วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สาเหตุของการมีพุง ที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากไขมัน


สาเหตุของการมีพุง ที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากไขมัน

 

คุณทราบกันหรือไม่ ? ว่าการที่มีพุงนั้น อาจจะไม่ได้มีสาเหตุเกิดมาจากไขมันก็เป็นได้ ถ้าไม่ใช่เพราะไขมันแล้ว จะเป็นอะไรได้ล่ะ วันนี้เราจึงมีคำตอบสำหรับข้อสงสัยนี้มาฝากกันค่ะ … สาเหตุของการมีพุงป่อง ไม่ใช่เกิดจากการรับประทานอาหารแต่เพียงอย่างเดียว และคนที่มีพุงป่องก็ไม่ได้แปลว่าคนๆ นั้นอ้วนด้วยนะคะ แต่อาจจะเป็นเพียงของอาการบวมน้ำเท่านั้นเอง


1. สาเหตุจากการแพ้อาหาร

ในบางครั้ง อาการท้องบวม ก็อาจจะเกิดมาจากอาการระคายเคือง หรือการติดเชื้อของระบบย่อยอาหารภายในช่องท้อง หรืออาจจะรวมถึงการรับประทานยาในบางชนิด ที่ทำให้เกิดการบวมน้ำและยังรวมไปถึงการที่กำลังมีรอบเดือนอยู่ด้วย แต่ถ้ามีความรู้สึกว่าหน้าท้องของคุณบวมขึ้นอย่างผิดปกติ หลังจากที่ได้รับประทานอาหารบางชนิดแล้ว ก็ให้สันนิษฐานได้เลยว่า น่าจะมีอาการแพ้มาจากอาหารที่พึ่งได้รับประทานเข้าไป จากสถิติ ได้พบข้อมูลว่า อาหารจำพวกแป้ง และนมนั้น มีโอกาสที่จะทำให้เกิดอาการแพ้และอาการท้องบวมได้มากที่สุด


2. อาหารลดน้ำหนัก

คนที่ชอบลดความอ้วน ด้วยการหวังพึ่งแต่อาหารลดน้ำหนัก จำพวกไขมันต่ำ หรือไม่มีไขมันแล้ว ก็มักจะมีปัญหาพุงป่อง เพราะเนื่องจากชอบคิดว่า มันเป็นอาหารที่มีปริมาณแคลอรีต่ำ จึงสามารถกินได้ในปริมาณที่มากกว่าปกติ อาหารจำพวกนี้อาจจะมีพลังงานที่น้อยกว่าปกติก็จริง แต่มันก็ไม่ได้มีปริมาณที่น้อยขนาดนั้น ทางที่ดีแล้ว ก็ควรหันมารับประทานอาหารจำพวกผักและผลไม้ให้มากขึ้นจะดีกว่า รวมทั้งควรจะรับประทานอาหารที่มีเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยด้วย อาทิเช่น น้ำมะนาว น้ำส้มสายชูสกัดจากแอปเปิล หรือผักสดต่างๆ


3. รับประทานอาหารช้าๆ แต่รับประทานบ่อยๆ

เวลารับประทานอาหารก็ควรจะเคี้ยวอาหารให้ช้าๆ ค่อยๆ รับประทาน เพื่อให้ประสาทได้รับรู้และค่อยๆ รู้สึกว่าอิ่ม และในแต่ละมื้อ ก็อย่ารับประทานอาหารให้เยอะเกินจนรู้สึกอิ่มจนเกินไป จะทำให้แน่นท้องและรู้สึกอึดอัด ควรจะแบ่งมื้ออาหารออกเป็นมื้อย่อยๆ แต่ให้หลีกเลี่ยงการรับประทานขนมจุบจิบ จำพวกขนมนมเนยต่างๆ ควรจะเลือกรับประทานผลไม้หรือธัญพืช เมื่อมีความรู้สึกหิวในระหว่างมื้อจะดีกว่า


4. ขจัดสารพิษออกจากร่างกาย
 
คาเฟอีน แอลกอฮอล์ และนิโคตินในบุหรี่ มีผลร้ายต่อระบบเผาผลาญอาหารของร่างกาย จะส่งผลทำให้ร่างกายมีอาการบวมน้ำและยังก่อให้เกิดเซลลูไลท์ขึ้นอีกด้วย ดังนั้นเมื่อรู้สาเหตุดังนี้แล้ว ก็แค่ที่จะ ลด ละ เลิก การดื่มเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนต่างๆ และในเวลาเดียวกันนั้น ก็ควรจะเลิกสูบบุหรี่ไปซะด้วยเลย


5. หัดรับประทานโยเกิร์ตสักนิด

ในกระเพาะอาหารของคนเรานั้น จะมีแบคทีเรียอาศัยอยู่ด้วย เพื่อทำหน้าที่ช่วยในการย่อยอาหาร แต่ในบางครั้งแบคทีเรียเหล่านี้ ก็อาจจะถูกกำจัดไปจากสภาวะต่างๆ เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วย หรือการรับประทานอาหารในบางชนิด ขอแนะนำให้รับประทานโยเกิร์ตรสธรรมชาติเป็นประจำ เพื่อช่วยในการปรับความสมดุลของแบคทีเรีย ในกลุ่มที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งจะช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารของเราสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่ง ขึ้น และช่วยทำให้หน้าท้องมีอาการบวมที่น้อยลงได้อีกด้วย


6. ดื่มน้ำในแต่ละวันให้มากๆ

อาการบวมน้ำนี้ เราควรที่จะดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 8 แก้วใน 1 วัน แต่วิธีการดื่มน้ำในแต่ละครั้งนั้น อย่าดื่มให้หมดแก้วภายในคราวเดียว ควรจะจิบน้ำบ่อยๆ จิบเรื่อยๆ เพราะการที่เราดื่มน้ำแก้วใหญ่เข้าไปในคราวเดียวนั้น จะไปทำให้กระเพาะปัสสาวะมีการขยายตัวใหญ่ขึ้น ถ้าจะให้ดีที่สุด ก็ลองเลือกดื่มชาสมุนไพร อาทิเช่น ชาเป็ปเปอร์มินต์ หรือชาคาโมไมล์ แทนการดื่มน้ำเปล่า โดยเฉพาะการดื่มน้ำในช่วงหลังอาหารนั้น จะช่วยทำให้อาหารที่ได้รับประทานเข้าไปแล้ว ถูกย่อยได้ดียิ่งขึ้นด้วย


7. บริหารความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อหัวใจ

ผู้หญิงหลายๆ คน คงมีเชื่อว่าการออกกำลังกายด้วยการซิตอัพทุกวัน จะช่วยทำให้หน้าท้องมีความแบนเรียบ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย แม้ว่าการออกกำลังกายด้วยการซิตอัพจะช่วยสร้างกล้ามเนื้อที่บริเวณท้อง แต่ถ้าหากว่าร่างกายนั้น ยังปกคลุมด้วยชั้นไขมันล่ะก็ หน้าท้องที่แบบราบเรียบตึง ก็จะไม่มีวันโผล่มาคุณได้ให้เห็นหรอกค่ะ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เป็นประจำเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 30 นาที ต่อ 1 วัน ติดต่อกันอย่างต่ำเป็นเวลา 3 วัน ต่อ 1 สัปดาห์ เพื่อช่วยให้ร่างกายได้มีการเผาผลาญไขมันที่มีการสะสมไว้ให้ออกไป ควบคู่ไปกับการซิตอัพด้วยแล้ว คราวนี้ล่ะก็รับรองได้เลยว่า คุณจะสวยตึง หุ่นเพรียวอย่างแน่นอน


8. หายใจเข้า หายใจออก ให้ลึกๆ

เมื่อเราหายใจเข้า หายใจออก แบบลึกๆ แล้วจะช่วยทำให้ร่างกายของเรามีการผ่อนคลายคลายความตึงเครียดออกมา รวมทั้งยังจะช่วยในการเติมก๊าซออกชิเจนและเติมพลังชีวิตให้กับร่างกายอีก ด้วย ทุกๆ ครั้งที่หายใจ ให้พยายามหายใจให้ลึกๆ เข้าไว้ ในขณะที่กำลังหายใจเข้านั้น พยายามสูดลมให้มีความรู้สึกว่าลมเข้าไปยังท้องให้ได้ อย่าให้หยุดเพียงแค่เก็บลมไว้ในช่องอกเท่านั้น การหายใจเข้า หายใจออก จากท้องจนเป็นนิสัยในชีวิตประจำวัน จะช่วยทำให้กล้ามเนื้อที่บริเวณหน้าท้องมีความกระชับและมีความแข็งแรงมาก ยิ่งขึ้น


9. นวดกระชับบริเวณหน้าท้อง

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อกันล่ะค่ะ ว่าการนวดหน้าท้องนั้น สามารถช่วยได้จริงๆ เนื่องจากการนวดที่บริเวณหน้าท้องนั้น จะช่วยขับไล่ลมที่กักเก็บเอาไว้ในช่องท้องได้ และจะช่วยทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ด้วย วิธีการนวดหน้าท้องนั้น ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย เพียงแค่วางฝ่ามือลงบนหน้าท้องแล้วนวดวนไปตามเข็มนาฬิกาเท่านั้น ถ้าอยากจะให้เห็นผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น อาจจะใช้ครีมจำพวกกระชับกล้ามเนื้อหน้าท้องร่วมกันไปด้วยก็ได้


ถ้าคุณอยากจะมีหน้าท้องที่แบน เรียบแล้วล่ะก็ 

ลองนำเอาวิธีที่ได้แนะนำนี้ ไปปฏิบัติตามกันได้เลยค่ะ

 เราเอาใจช่วยสาวๆ ทุกคนรวมทั้งหนุ่มๆ ที่ไม่อยากจะมีพุงด้วยนะคะ





ที่มา  :   http://www.shape.in.th/1017



จัดทำโดย  :   www.v-careskinshop.com





***********************************************************

www.v-careskinshop.com   จัดจำหน่าย อาหารเสริมเพื่อ ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน กลูต้า กลูต้าไธโอน มีรีวิว ไลโปไลซิส ทู  lypolysis II ลิด้า ลิโซ่ บาชิ ผงบุก แอลคาร์นิทีน ครีมหน้าใส






ท่าบริหาร ในการลดหน้าท้อง


วิธีอย่างง่ายๆ ในการลดหน้าท้อง

สวัสดีค่ะ สาวๆ ทุกคน วันนี้เรามีวิธีการลดหน้าท้องอย่างง่ายๆ มาฝาก สำหรับคุณผู้หญิงให้ได้นำไปลองฝึกกันดูค่ะ ถ้าได้ผลหรือไม่ได้ผลยังไง ก็ช่วยแชร์กันบ้างนะคะ


ท่าที่ 1 บริหารกล้ามเนื้อท้องรวม

ท่าเตรียมพร้อม ให้นอนหงายราบไปกับพื้น นำมือทั้งสองข้างมาประสานกันไว้ที่ท้ายทอย งอเข่าซักเล็กน้อย ยกศีรษะขึ้นจากพื้นในลักษณะทำมุมกับพื้นประมาณ 40 องศา โดยอาศัยแรงยกศีรษะจากลำตัวท่อนบนและจากไหล่ทั้งสองข้าง โดยมือทั้งสองข้างควรจะกางออกตึงไว้ ไม่ใช่อยู่ในลักษณะห่อ และออกแรงดันเพื่อยกศีรษะ เพราะจะทำให้เกิดอาการปวดคอ และอาการคอเคล็ดตามมาได้โดยง่าย


ท่าที่ 2 บริหารกล้ามเนื้อท้องด้านบน

นอนราบไปกับพื้น ยกขาขึ้นให้ตั้งฉากกับพื้น ให้ช่วงน่องอยู่ในลักษณะไขว้กันไว้ เพื่อจะได้เพิ่มน้ำหนักในขณะที่ยกตัวขึ้น มือทั้งสองข้างประสานกันไว้ที่ท้ายทอย ยกศีรษะขึ้นโดยอาศัยแรงยกจากลำตัวท่อนบนและจากไหล่ทั้งสองข้าง โดยมือทั้งสองข้างคอยประคองศีรษะเอาไว้


ท่าที่ 3 บริหารกล้ามเนื้อท้องด้านข้าง 

นอนราบไปกับพื้น โดยให้ยกเข่าข้างซ้ายขึ้นมาและพับขาขวาในแนวนอนให้มาขัดกันไว้ มือทั้งสองข้างประสานกันไว้ที่ท้ายทอย ยกศีรษะขึ้นโดยอาศัยแรงยกจากลำตัวท่อนบนและจากไหล่ทั้งสองข้าง โดยมือทั้งสองข้างคอยประคองศีรษะเอาไว้ ซึ่งท่านี้นั้นจะเป็นการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องที่ด้านซ้าย และทำท่าเดิมเช่นเดียวกัน แต่ให้สลับกับครั้งก่อนโดยการยกเข่าขวาขึ้นมาและพับขาซ้ายในแนวนอนให้มันขัด กันไว้ เพื่อจะได้บริหารกล้ามเนื้อที่ด้านขวา


ท่าที่ 4 บริหารกล้ามเนื้อท้องน้อย 

นอนราบไปกับพื้น พับขาให้อยู่ในลักษณะที่ปลอดภัยให้ขาทั้งสองข้างมาบรรจบกัน มือทั้งสองข้างประสานกันรองศีรษะเอาไว้ที่ท้ายทอย ยกศีรษะขึ้นโดยอาศัยแรงยกจากลำตัวท่อนบนและจากไหล่ทั้งสองข้าง โดยมือทั้งสองข้างคอยประคองศีรษะเอาไว้


ท่าที่ 5 บริหารกล้ามเนื้อท้องส่วนล่าง

นอนราบไปกับพื้น ขาทั้งสองข้างอยู่ในลักษณะเหยียดตรง มือทั้งสองข้างวางราบไปกับพื้น รองไว้ที่ใต้สะโพกเพื่อช่วยรับน้ำหนักให้ส่วนหลัง เกร็งขาทั้งสองข้างไว้และยกขึ้นให้ตั้งฉากกับพื้น ค้างไว้แล้วนับ 1-10 จากนั้นก็เหยียดกลับไปที่ท่าเดิม


ท่าที่ 6 บริหารกล้ามเนื้อท้องด้านบนและด้านล่าง 

นอนราบไปกับพื้น มือขวารองเอาไว้ที่ท้ายทอยเพื่อคอยพยุงศีรษะ ส่วนมืออีกข้างให้เหยียดตรงตั้งฉากกับลำตัว ยกเข่าด้านขวาให้ตั้งขึ้น และยกขาซ้ายไปพาดขาข้างขวาไว้คล้ายกับท่านั่งไขว่ห้าง ใช้กำลังที่หัวไหล่ข้างขวาและหลังยกตัวให้เฉียงขึ้น ให้ข้อศอกแนบจรดที่หัวเข่าข้างซ้าย ทำท่าเดิมซ้ำ แต่ให้เปลี่ยนจากใช้มือขวารองและเข่าขวาตั้ง เป็นใช้มือซ้ายรองและเข่าซ้ายตั้งแทนเพื่อทำการบริหารกล้ามเนื้อด้านตรงข้าม


ในแต่ละท่านั้น ควรจะทำซ้ำกัน 

จำนวนท่าละ 20 ครั้ง 

หากเป็นท่าที่ต้องทำสลับข้างกัน ก็ให้ทำจำนวนข้างละ 20 ครั้ง 

ใช้เวลาในการบริหารประมาณครึ่งชั่วโมง นอกจากจะช่วยทำให้ร่างกายมีความแข็งแรง และลดหน้าท้องแล้ว 

ยังจะช่วยลดปัญหาอาการปวดหลัง และอาการปวดตามตัวได้อีกด้วยค่ะ






ที่มา  :   http://www.shape.in.th/1017



จัดทำโดย  :   www.v-careskinshop.com





***********************************************************

www.v-careskinshop.com   จัดจำหน่าย อาหารเสริมเพื่อ ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน กลูต้า กลูต้าไธโอน มีรีวิว ไลโปไลซิส ทู  lypolysis II ลิด้า ลิโซ่ บาชิ ผงบุก แอลคาร์นิทีน ครีมหน้าใส






เคล็ดลับ อายุยืน ให้หน้าอ่อนกว่า วัย



เคล็ดลับ อายุยืน หน้าอ่อนกว่าวัย

 

ใครๆก็อยากมีอายุยืนยาว เป็นหนุ่มเป็นสาวพันปี หมื่นปี ลองอ่านเคล็ดลับดูสิ


 1. บริหารสมองเป็นประจำไม่ให้ฝ่อหรือเสื่อมไว

ทำได้ด้วยการอ่านหนังสือ หรือฟังเพลง ดูหนัง หรืออาจเล่นเกมไขปริศนาอักษรหรือ crosswords น่าสนุกดีออก


 2. เสริมร่างกายให้ฟิตปั๋งเสมอ

รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ และเสริมสร้างร่างกายด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกาย และหมั่นไปออกกำลังกาย วิ่งไล่จับหรือปั่นแปะบ้างก็ได้ ขืนอยู่นิ่ง ๆ นาน ๆ จะเป็นอัมพาตเอานะ


3. ห้ามโดนแสงแดดแรงจัด นาน ๆ

ถ้าคุณไม่เคยทำตัวเป็นคุณนายถือร่มกันแดดกันลมติดตัวตลอดเวลาก็ทำซะเถิด ไม่งั้นก็ต้องพึ่งครีมกันแดดแล้วล่ะคะ


 4. แวดล้อมไปด้วยเพื่อนดี ๆ

เชื่อเถอะอยู่ท่ามกลางฝูงชน จะช่วยให้ร่างกายและจิตใจเบิกบานสดใส ถ้ากำลังมีเรื่องมีราวอะไรทุกข์ใจ อยากระบายความในใจก็ทำได้ ทันที หายเครียดเร็วเป็นปลิดทิ้ง โอ้ย อย่างนี้ไม่ชอบได้ไงละ


 5. ขยันทำสมาธิ

และควบคุมน้ำหนักตัวเอง ทำได้เท่านี้จิตใจก็เป็นสุข แล้วหละ





ที่มา  :   http://www.shape.in.th/1017



จัดทำโดย  :   www.v-careskinshop.com





***********************************************************

www.v-careskinshop.com   จัดจำหน่าย อาหารเสริมเพื่อ ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน กลูต้า กลูต้าไธโอน มีรีวิว ไลโปไลซิส ทู  lypolysis II ลิด้า ลิโซ่ บาชิ ผงบุก แอลคาร์นิทีน ครีมหน้าใส






ทานผักอย่างไร ให้หุ่นสวย หุ่นดี ไม่อ้วน ผิวขาว ออร่า ได้อย่างดารา


กินผักอย่างไร ให้ดูดีเหมือนดารา

การ ดูแลร่างกายให้มีสุขภาพดีและไม่มีโรค เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สาวๆ หันมากินผักกันมากขึ้น 

โดยเฉพาะการใส่ใจรูปร่างด้วยการกินผัก 

 จัดว่าเป็นที่นิยมที่สุดเลยก็ว่าได้ เช่นเดียวกับดาราในวงการบันเทิงในบ้านเรา ที่ต่างก็มีเทคนิคการดูแลรูปร่างและนิยมกินผักในสไตล์ของของตัวเอง


ลองมาดูกันดีกว่า ที่ดาราแต่ละคนมีรูปร่างเป๊ะและสวยเป๊ะขนาดนี้ พวกเธอมีเคล็ดลับเฉพาะตัวในการเลือกกินผักควบคู่กับการดูแลสุขภาพกันอย่างไร บ้าง


 เอ๊ะ-อิศริยา สายสนั่น

“ปกติก็ชอบผักทุกอย่าง เพราะเป็นคนทานง่ายอยู่แล้วค่ะ นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรมากค่ะ เลือกอาหารที่สดสะอาดปลอดภัย ออกกำลังกายก็พอแล้วค่ะ เพราะโดยมากแล้วจะทำงานไม่ค้อยเป็นเวลา เรื่องการกินก็เลยต้องใส่ใจเป็นพิเศษค่ะ กินผักที่สดและสะอาดทุกวันก็จะช่วยให้สุขภาพแข็งแรงมากขึ้นค่ะ”


 กวาง-ฟ้ารุ่ง ยุติกรรม

“ส่วนตัวกวางเองก็ชอบกินผักผลไม้อยู่แล้ว แต่เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งตอนไปทำงานที่ฮ่องกง ได้กินแต่ของที่ทำมาจากแป้งกับขนมปังตลอดเวลา ตอนนั้นรู้สึกได้เลยว่าระบบการขับถ่ายเปลี่ยนไป ไม่ค่อยปกติเหมือนเดิม ก็เลยมาคิดถึงสาเหตุว่าเพราะอะไร ก็นึกได้ว่าเราไม่ค่อยได้กินผักเหมือนเมื่อก่อน ก็เลยพยายามหันมาทานผักมากให้ขึ้น โดยเฉพาะมื้อเย็น กวางจะเลือกกินสลัดกับน้ำสลัดอร่อยๆ กินได้ทุกวันไม่เบื่อเลยค่ะ แล้วยังดูแลรูปร่างได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ เพราะการที่เราจะสวยได้ กวางคิดว่า เราต้องสวยจากภายในสู่ภายนอกถึงจะทำให้รูปร่างเราดูดีอย่างแท้จริงค่ะ”


 จูน-สาวิตรี โรจนพฤกษ์

“ปกติเป็นคนชอบทานอาหารที่มีผักเป็นส่วนประกอบของอยู่แล้วค่ะ อาหารที่ทานประจำจะเป็นพวกสลัดผัก แล้วก็ต้องนอนผักผ่อนอย่างเพียงพอ ควบคู่กับการออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ ก็ยิ่งดีต่อสุขภาพร่างกายของเราได้มากเลยค่ะ”


 ฟาง-พิชญา ศรีเทพย์

“ถ้าเป็นพวกผัก ส่วนใหญ่จะชอบผัดผัด หรือผักอะไรก็ได้ที่สดๆ กรอบๆ แล้วก็ส้มตำค่ะ เพราะอร่อยถูกปาก กินง่าย ไม่อ้วน และก็ร้านที่อร่อยๆ อยู่หลายที่ หาทานง่ายด้วยนะคะ แล้วก็จะเป็นพวกสลัด นี่ก็อร่อย หาทานง่าย บางที เวลาไม่มีเวลา ก็ซื้อมาเก็บไว้ได้ แต่ไม่แช่ตู้เย็นไว้นานค่ะ เพราะเดี๋ยวจะเสีย ไม่อร่อยเหมือนตอนซื้อมาแล้วทานทันที การดื่มน้ำมากๆ นี่ช่วยให้ร่างกายผิวพรรณดูดีด้วยค่ะ”


 วิว-วรรณรท สนธิไชย

“คุณแม่ก็สอนให้กินผักมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้วค่ะ อาหารทุกมื้อจะต้องมีผักเป็นส่วนประกอบเสมอ และหลังอาหารจะดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้ผิวชุ่มชื่น ปกติวิวเองก็จะออกกำลังกายเป็นประจำ ยิ่งช่วงนี้ต้องทำงานไปด้วย ออกกองถ่ายบ่อยขึ้น ก็ยิ่งต้องทานอาหารให้ครบ พักผ่อนอย่างเพียงพอ ดูแลตัวเองให้มากกว่าเดิม เพื่อสุขภาพที่ดี พร้อมรับมือกับชีวิตประจำวันมากที่สุดค่ะ”


 ส้ม-กนกกร ใจชื่น

“ปกติก็เลือกกินผักที่เราชอบหรือกินง่ายๆ พวก ผักกาด แตงกวา แจมด้วยผลไม้ เลือกที่มีรสไม่ขมเกินไป แต่ส่วนตัวแล้วชอบกินผักสดมากกว่า เพราะมีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน และมีเส้นใยมากกว่า ช่วยให้ระบบเผาผลาญของเราดีขึ้นด้วย ถ้าที่ชอบกินจริงๆ ก็จะเป็นพวกสลัด เพราะผักกาดแก้วนี่ของโปรดเลย กินกับทูน่า อร่อยสุดๆไปเลย แล้วก็ไม่ต้องกลัวอ้วนด้วยค่ะ”




ที่มา  :   http://www.shape.in.th/1017



จัดทำโดย  :   www.v-careskinshop.com





***********************************************************

www.v-careskinshop.com   จัดจำหน่าย อาหารเสริมเพื่อ ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน กลูต้า กลูต้าไธโอน มีรีวิว ไลโปไลซิส ทู  lypolysis II ลิด้า ลิโซ่ บาชิ ผงบุก แอลคาร์นิทีน ครีมหน้าใส






ทานอาหารตาม กรุ๊ปเลือด เคล็ดลับหุ่นดี ตามแบบฉบับ เชอรีล โคล


กินตามกรุ๊ปเลือด เคล็ดลับหุ่นดี แบบ เชอรีล โคล

 

หลัง จาก เชอรีล โคล ( Cheryl Cole ) 

 สาวที่ได้รับการโหวตให้เป็นผู้หญิงที่เซ็กซี่ที่สุดในโลกสองปีซ้อน กลับมาครองความโสดอีกครั้ง หลังแยกทางกับแฟนหนุ่มนักเตะ 

แอชลีย์ โคล ได้มีกระแสเม้าท์มอยเกี่ยวกับรูปร่างของเธอ ที่ผอมเพรียวลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด จนใครๆ พากันคิดว่าสาเหตุที่เธอผอมลงขนาดนั้น คงเป็นผลมาจากอาการเฮิร์ทจากการหย่าร้างนั่นเอง

แต่ความจริงแล้ว

เธอไม่ได้ผอมลงเพราะเตียงหักซักหน่อย แต่เป็นเพราะว่าเธอดูแลตัวเองดีขึ้นต่างหาก ที่ทำให้นักร้องชาวอังกฤษวัย 30 ปีคนนี้ผอมเพรียวลง แถมมีหน้าตาผิวพรรณที่ใสเด้งขึ้นมาอีกเห็นๆ


เพื่อเคลียร์ประเด็นนี้ เชอรีล โคล ก็ได้ออกมาเปิดเผยเคล็ดลับลดหุ่นให้ผอมเพรียวว่า 

 เป็นเพราะเธอเลือกกินอาหารที่เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือดนั่นเอง ซึ่งเทคนิคนี้ นอกจากจะจะช่วยรักษาหุ่นของเธอแล้ว เธอยังรู้สึกได้ถึงความเป็นสาวสุขภาพดีในทุกๆ วันอีกด้วย


ในแต่ละวัน เชอรีล โคล จะเลือกกินเฉพาะอาหารที่มีประโยชน์ แต่เลี่ยงอาหารที่ไม่เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือดของเธอ ควบคู่ไปกับการกินอาหารในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไป แต่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน ซึ่งเธอจะพิจารณาถึงกิจกรรมที่ต้องทำกับปริมาณแคลอรีที่ต้องการใช้ ซึ่งเธอจะไม่ยอมงดของโปรดของเธออย่างคัพเค้กเลย แต่จะกินในปริมาณที่พออิ่มเท่านั้น


ใช่แต่เท่านั้น เชอรีล โคล ยังเผยเคล็ดลับอีกว่า สาวๆ ที่อยากนำวิธีของเธอไปใช้ ควรหลีกเลี่ยงความเครียดต่างๆ ด้วย เพราะนั่นเป็นตัวการบั่นทอนสุขภาพที่สำคัญ ที่จะทำให้ร่างกาย หน้าตาทรุดโทรม


เธอสรุปว่า รูปร่างที่ดีย่อมมาจากการดูแลจากภายในสู่ภายนอก ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นสาวหุ่นดีอย่างแท้จริง




ที่มา  :   http://www.shape.in.th/1017



จัดทำโดย  :   www.v-careskinshop.com





***********************************************************

www.v-careskinshop.com   จัดจำหน่าย อาหารเสริมเพื่อ ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน กลูต้า กลูต้าไธโอน มีรีวิว ไลโปไลซิส ทู  lypolysis II ลิด้า ลิโซ่ บาชิ ผงบุก แอลคาร์นิทีน ครีมหน้าใส






การนอนหลับ อย่างเพียงพอ ช่วยลดความอ้วน ลดน้ำหนัก ได้นะคะ ** เคยรู้กันหรือยังเอ่ยยยย **



สาวๆ หลายท่านที่ยังมีปัญหาเรื่องในเรื่องน้ำหนัก ต้องทนทุกข์ทรมานกับการควบคุมอาหาร หรือการที่หักโหมออกกำลังกายที่ต้องใช้ ความอดทนมานาน แถมมันยังไม่ค่อยเห็นผลอีกต่างหาก

วันนี้ ทางเรานั้น มีอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยแก้ไข

ปัญหาเรื่องไขมันส่วนเกินแบบง่ายแสนง่าย จนคุณเองนั้นก็คาดไม่ถึง มาฝาก

มีนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิคาโกกลุ่มหนึ่งได้ค้นพบว่า “เพียงแค่คุณนั้นนอนหลับให้เพียงพอในเวลากลางคืนแล้ว ก็สามารถที่จะไป ช่วยให้ร่างกายของเรานั้นกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปได้เช่น กัน” แถมยังพบอีกด้วยว่า คนที่นอนน้อยในเวลากลางคืนมีโอกาสจะกลายเป็นคนอ้วนอีกด้วยหละ

โดยผลการทดลองนี้

ได้มาจากการทดลองทำในกลุ่มอาสาสมัคร 10 คน ใช้เวลานาน 4 อาทิตย์

โดยที่ในการทำวิจัยนั้นจะให้ทุกคนนั้น รับประทานอาหารแคลอรีต่ำ เหมือนกันทุกคน

ในสองสัปดาห์แรก

เหล่าอาสาสมัครจะได้นอนคืนละ 8.5 ชั่วโมง

และอีก
สองสัปดาห์ที่เหลือเวลานอนจะลดลงเหลือเพียงแค่ 5.5 ชั่วโมงเท่านั้น

และเมื่อได้สิ้นสุดการทดลองลงในสัปดาห์ที่สี่นั้นพบว่า แม้ว่าน้ำหนักของอาสาสมัครในช่วงอาทิตย์แรกกับอาทิตย์ที่สองนั้นจะไม่แตก ต่างกันนัก

แต่…ที่น่าสนใจคือ “สัดส่วนของไขมันที่พบว่า

สองสัปดาห์แรกไขมันของอาสาสมัคร
ลดลงเฉลี่ย 3.1 ปอนด์

ขณะที่สองสัปดาห์หลัง ซึ่งอาสาสมัครได้นอนเพียงคืนละ 5.5 ชั่วโมง

ปริมาณไขมันลดลง
เฉลี่ยเหลือเพียง 1.3 ปอนด์”เท่านั้นเอง


เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก้อย่าลืมนอนกันให้พอนะคะ







ที่มา  :   http://www.shape.in.th/1017



จัดทำโดย  :   www.v-careskinshop.com





***********************************************************

www.v-careskinshop.com   จัดจำหน่าย อาหารเสริมเพื่อ ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน กลูต้า กลูต้าไธโอน มีรีวิว ไลโปไลซิส ทู  lypolysis II ลิด้า ลิโซ่ บาชิ ผงบุก แอลคาร์นิทีน ครีมหน้าใส






สูตรลดความอ้วน ลดน้ำหนัก : วิธีห้ามใจ ไม่ให้กินมากเกินไปแล้ว



วิธีห้ามใจ ไม่ให้กินมากเกินไปแล้ว

ไม่ว่าเราจะพยายามซักแค่ไหน แล้วก็ตาม บ่อยครั้งเลยที่เรามักจะพบว่า เรามักจะเอื้อมมือไปหยิบขนมมาใส่ปากด้วย เพราะว่ายังมีเหตุผลอื่นๆ อีกที่นอกเหนือไปจากความหิว เราลองมาดูพร้อมกันว่า อะไรคือตัวการกันแน่ที่ไปกระตุ้นประสาทความจนทำให้เรากินแบบไม่บันยะบันยัง และมาหาวิธีที่ดีๆ ในการเอาชนะสาเหตุเหล่านั้น ไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ


1) คุณมีความหิวตลอดเวลาหรือไม่ ?

การกินมากจนเกินไป เป็นเพียงแค่นิสัยที่แย่ๆ ที่คุณอาจจะสามารถแก้ไขมันได้เหมือนกับนิสัยอื่นๆ และนี่ก็คือวิธีการในการเอาชนะมันค่ะ

- นำอาหารขยะทั้งหลายแหล่ไปทิ้งให้พ้นๆ สายตาคุณ และเลือกกินแต่ธัญพืช ผักสด ผลไม้สด ถั่วต่างๆ นมโยเกิร์ต และเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมันแทน

- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่ยักษ์

- ให้ใช้จานที่มีขนาดเล็ก วางช้อนลงกับจานหลังจากที่ได้ตักอาหารเข้าปากไปแล้ว และให้เคี้ยวอาหารอย่างช้าๆ เคี้ยวให้ละเอียดก่อนจะกลืนมันลงไป


2) คุณมีเวลาในการนอนพักผ่อนพอหรือไม่ ?

ถ้าคุณมีเวลานอนพักผ่อนที่น้อย แล้ว ก็จะทำให้คุณรู้สึกหิวขึ้นมาได้ทุกเมื่อ จนทำให้คุณต้องหาอะไรมาลงท้องเพื่อบรรเทาอาการหิว ปัญหานี้สามารถที่จะจัดการกับมันได้โดย …

- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาบ่ายและช่วงเวลาเย็น

- อาบน้ำอุ่นๆ ก่อนที่จะเข้านอน เพื่อให้ร่างกายได้รู้สึกผ่อนคลายและทำให้หลับได้ง่ายขึ้น

- อย่าทำการออกกำลังกายใกล้ๆ ช่วงเวลานอน เพราะมันอาจจะทำให้ระดับการเผาผลาญพลังงานเพิ่มมากขึ้น และจะทำให้คุณหลับไม่ลงได้

- เข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลา


3) คุณกินเพื่อที่จะคลายความเครียดหรือไม่ ?

เมื่อคุณมีอาการเครียด ร่างกายของคุณก็จะหลั่งสารคอร์ติซอล ซึ่งจะทำให้ร่างกายสรุปเอาเองว่า มันจะต้องหาอะไรมาลงท้องเพื่อจะได้ผ่อนลายความเครียดมันออกไป และนี่ก็คือวิธีการที่จะเอาชนะปัญหานี้ค่ะ โดย …

- คิดหาวิธีการที่จะลดความเครียดลง ซึ่งในบางทีคุณอาจจะต้องแบ่งงานของคุณเพื่อให้คนอื่นได้ทำบ้าง หรือไม่ก็ทำการประเมินการดำเนินชีวิตของคุณทั้งการดำเนินชีวิตที่บ้านและที่ การดำเนินชีวิตที่ทำงานเสียใหม่

- หาเวลาว่างในแต่ละวัน เพื่อที่จะทำการผ่อนคลายความเครียดต่างๆ ให้เป็นเรื่องเป็นราว ด้วยการเล่นโยคะ หรือการทำสมาธิก็เป็นตัวเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง

- การขยับเขยื้อนร่างกายให้มีการเคลื่อนไหว ด้วยการเดินเพียงระยะเวลาแค่ห้านาที ก็ช่วยที่จะช่วยลดระดับของคอร์ติซอลได้





ที่มา  :   http://www.shape.in.th/1017



จัดทำโดย  :   www.v-careskinshop.com





***********************************************************

www.v-careskinshop.com   จัดจำหน่าย อาหารเสริมเพื่อ ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน กลูต้า กลูต้าไธโอน มีรีวิว ไลโปไลซิส ทู  lypolysis II ลิด้า ลิโซ่ บาชิ ผงบุก แอลคาร์นิทีน ครีมหน้าใส






ช่วงเวลา ใน 1 วัน กับ การลดน้ำหนัก ลดความอ้วน




ช่วงเวลา ใน 1 วัน  กับการลดน้ำหนัก ลดความอ้วน

 

การที่เรานั้นจัดตารางเวลาใน การรับประทานอาหารในแต่ละวันตามช่วงเวลาที่เหมาะสมนั้น มันจะช่วยให้การควบคุมการทาน และการควบคุมน้ำหนักของเรานั้นเห็นผลได้ โดยที่ไม่ต้องยุ่งยากหาวิธีการอื่น ๆ อีกเลย

ซึ่งความเหมาะสมนั้นมาจากตารางนี้


เวลา 05.00 – 07.00 น. ให้เราดื่มน้ำอุ่น 2 แก้ว เพื่อช่วยในการขับถ่าย


เวลา 07.00 – 09.00 น. ให้เราทานอาหารเช้า เพราะเป็นช่วงเวลาที่กระเพาะอาหารทำงาน ถ้าทานได้ทุกวันจะทำให้กระเพาะอาหารแข็งแรง และช่วยให้หน้าไม่แก่เร็ว


เวลา 09.00 – 11.00 น. ให้เรานั้นงดทานอาหาร ขนม และน้ำ เพราะอาหารและน้ำจะแปรสภาพเป็นไขมัน


เวลา 13.00 – 15.00 น. ให้เราควรงดอาหารทุกประเภท เพราะลำไส้เล็กทำงานหนัก


เวลา 15.00 – 17.00 น. ให้เรานั้นเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการออกกำลังกาย พยายามให้เหงื่อออก กระเพาะปัสสาวะจะได้แข็งแรง


เวลา 23.00 – 01.00 น.
 เป็นช่วงเวลาของถุงน้ำดี ควรงดอาหารและดื่มน้ำก่อนเข้านอน
ถ้าเรานั้นทำตามตารางข้างต้นนี้ได้ครบละก้อรับรองว่า น้ำหนักนั้นจะไม่มารบกวนคุณอีกเลย







ที่มา  :   http://www.shape.in.th/1017



จัดทำโดย  :   www.v-careskinshop.com





***********************************************************

www.v-careskinshop.com   จัดจำหน่าย อาหารเสริมเพื่อ ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน กลูต้า กลูต้าไธโอน มีรีวิว ไลโปไลซิส ทู  lypolysis II ลิด้า ลิโซ่ บาชิ ผงบุก แอลคาร์นิทีน ครีมหน้าใส






อาหารไทย ก็ สามารถ ช่วยลดน้ำหนัก ลดความอ้วนได้นะคะ



อาหารไทย ก็สามารถใช้ในการช่วยลดน้ำหนักได้

อาหารไทย…ของดี ที่คุณอย่ามองข้ามโดยเด็ดขาด เพราะอาหารไทยทั้งมีรสชาติที่อร่อยลิ้นติดปาก แถมยังมีคุณค่าทางโภชนาที่มากมาย

 ในเมื่อเราเกิดเป็นคนไทย ก็จงภูมิใจซะเถิด ยิ่งเดี๋ยวนี้อาหารไทยเริ่มจะเป็นที่นิยมแพร่หลายไปทั่วโลกแล้ว ข้อดีของ อาหารไทยนั้นก็คือ มีสารอาหารที่ครบทุกหมู่ และให้สารอาหารอย่างครบถ้วน อย่างข้าวที่ใช้เป็นอาหารหลักนั้น นอกจากจะให้สารอาหารประเภทแป้ง หรือคาร์โบไฮเดรตแล้ว ยังจะให้สารอาหารประเภทวิตามิน และเกลือแร่ด้วย ซึ่งสารอาหารเหล่านี้อยู่ที่บริเวณรอบๆ ของเมล็ดข้าว


โดยเฉพาะข้าวซ้อมมือของไทยนั้น มีคุณค่าทางอาหารที่สูงมาก

 ส่วนกับข้าวที่คนไทยชอบรับประทานจะประกอบไปด้วยสารอาหารครบทุกประเภททั้ง โปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน เกลือแร่ และไขมัน ตลอดจนใยอาหารด้วย โดยมีการกระจายตัวของสารอาหารหลักที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย

นอกจากอาหารไทยจะมีคุณค่าทางอาหารที่มากมายแล้ว ในส่วนของกรรมวิธีการปรุงอาหารก็มีวิธีการที่แตกต่างกันไป การปรุงอาหารไทย นั้น มีทั้งต้ม ยำ ผัด แกง ปิ้ง ย่าง นึ่ง เช่น อาหารที่ปรุงด้วยการแกงหรือปรุงด้วยการยำนั้น จะมีทั้งที่ใส่และไม่ใส่กะทิ ส่วนอาหารที่ปรุงด้วยการต้มก็มีทั้งต้มแบบรส จืดและต้มแบบรสเผ็ด ดังนั้นแล้ว ถ้าหากต้องการลด หรือต้องการที่จะควบคุมปริมาณอาหาร ก็ควรรับประทานอาหารอย่าง แกงส้ม แกงเลียง แกงป่า ซึ่งอาหารเหล่านี้จะให้พลังงานที่น้อยกว่าแกงที่มีการใส่กะทิลงไปปรุงด้วย

ส่วนอาหารประเภทยำ ก็ควรจะเป็นยำประเภทผักต่างๆ ที่ไม่มีการใส่กะทิลงไปด้วย

 ซึ่งจะให้พลังงานที่น้อยกว่าอาหารยำประเภทเนื้อสัตว์ ส่วนในอาหารประเภทต้ม ก็ควรจะเลือกประเภทที่มีปริมาณไขมันต่ำ เช่น ต้มส้ม ต้มโคล้ง ต้มจืด ส่วนอาหารประเภทที่มีปริมาณไขมัน หรือปริมาณกะทิที่สูง เช่น ต้มข่า ต้มยำ หรือต้มกะทิต่างๆ ที่ได้มีการดัดแปลงด้วยการใส่นมสดลงไปนั้น ก็ควรจะหลีกเลี่ยงรับประทานอาหารประเภทนี้


สำหรับอาหารประเภทปิ้ง ย่าง และนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะทำมาจากเนื้อสัตว์

 ก็ควรจะเลือกเนื้อสัตว์ชนิดที่มีปริมาณไขมันน้อยๆ หรือจะเลือกใส่เนื้อสัตว์ชนิดที่มีปริมาณไขมันต่ำอย่างเนื้อปลา ที่มีไขมันต่ำแต่ให้ปริมาณโปรตีนที่สูง และมีคุณภาพดี สามารถย่อยได้ง่าย นอกจากนั้นแล้ว ก็ควรจะเลือกแหล่งโปรตีนที่มาจากพืชด้วย นั่นก็คือ โปรตีนจากถั่วต่างๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว หรือถั่วอื่นๆ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ผลิตมาจากถั่ว เช่น เต้าหู้ขาว เต้าหู้เหลือง หรือนมถั่วเหลือง เป็นต้น


จุดเด่นของอาหารไทยอีกอย่างหนึ่ง

ก็คือ จะมีการรับประทานผักและผลไม้ในปริมาณที่มาก ทำให้สารอาหารในมื้อนั้นๆ มีปริมาณของใยอาหาร หรือกากอาหารที่ค่อนข้างสูง ยิ่งถ้ารับประทานพร้อมกับข้าวซ้อมมือและถั่วไปด้วยแล้ว ใยอาหารหรือกากอาหาร ก็จะมีปริมาณสูงมากขึ้นเป็นพิเศษเลย ซึ่งอาหารที่มีปริมาณของเส้นใยอาหารที่สูง มักจะให้พลังงานที่ต่ำ และยังทำให้มีความรู้สึกว่าอิ่มเร็วอีกด้วย

ดังนั้นแล้ว จึงเหมาะเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการจะลดหรือควบคุมน้ำหนัก นอกจากนั้นแล้ว ใยอาหารและกากอาหารจะไปช่วยทำความสะอาดภายในลำไส้ ช่วยทำให้ลำไส้ได้มีการออกกำลัง และช่วยทำให้การขับถ่ายมีประสิทธิภาพที่ดี และที่สำคัญไปกว่านั้น ใยอาหารและกากอาหารจะไปช่วยในการดูดซับสิ่งที่เป็นพิษและเป็นสิ่งที่อันตราย ต่อลำไส้ด้วย เช่น แบคทีเรียและสารพิษ มีผลทำให้อาการระคายเคืองต่อเยื่อบุภายในลำไส้ลดลง อีกทั้งอาหารที่มีปริมาณกากอาหารมากๆ มักจะมีสารเบต้า-แคโรทีน ในปริมาณที่สูง และมีวิตามินเอและวิตามินซีมากด้วยเช่นกัน ซึ่งในสารอาหารเหล่านั้นจะไปช่วยในการปกป้องเยื่อบุของทางเดินอาหารไม่ให้ ได้รับอันตราย และยังจะมีส่วนในการลดและป้องกันโรคมะเร็งภายในลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย


ดังนั้นแล้ว ท่านใดที่คิดจะควบคุมน้ำหนัก 

ด้วยการรับประทานอาหารไทย หากคุณมีความรู้เรื่องอาหารและโภชนาการพอสมควรแล้ว 

ก็จะสามารถช่วยให้คุณเลือกประเภทของอาหารที่เหมาะสมกับตนเองได้ 

โดยที่คุณนั้นไม่ต้องงดหรือหลีกเลี่ยงอาหารรสชาติไทยแท้แบบดั้งเดิม ที่คุ้นลิ้นคุ้นปาก 

หรือที่รับประทานอยู่เป็นประจำทุกวันเลยล่ะค่ะ 

เพียงแต่ให้คุณนั้นรู้จักเลือกที่จะรับประทานในปริมาณที่พออิ่ม 

ไม่รับประทานในปริมาณที่มากจนเกินไป 

การลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักก็จะไม่ใช้เรื่องยากเย็นอะไรอีกต่อไปเลยค่ะ





ที่มา  :   http://www.shape.in.th/1017



จัดทำโดย  :   www.v-careskinshop.com





***********************************************************

www.v-careskinshop.com   จัดจำหน่าย อาหารเสริมเพื่อ ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน กลูต้า กลูต้าไธโอน มีรีวิว ไลโปไลซิส ทู  lypolysis II ลิด้า ลิโซ่ บาชิ ผงบุก แอลคาร์นิทีน ครีมหน้าใส






ทานอาหารแบบไหน ช่วยลดไขมัน รอบเอว สัดส่วนกระชับได้ มาดูกันเลยค่ะ



อาหารที่จะช่วยลดไขมันรอบๆ เอวของคุณ ….

 

เจ้าความอ้วนนั้น เป็นตัวการร้ายที่ไม่ว่าจะทำยังไง ก็ไม่ยอมหายไปจากชีวิตของเราสักทีนะคะคุณสาวๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณรอบๆ เอวของตัวเรา

มาเถอะค่ะ

 เรามาลองรับประทานอาหารเหล่านี้กันดู เพราะว่าได้มีผลการค้นคว้าวิจัยออกมาแล้ว ว่าอาหารเหล่านี้นั้นสามารถที่จะช่วยลดปริมาณไขมันได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณไขมันรอบๆ เอว หรือที่ใครๆ หลายคนมักจะเรียกจนติดปากว่า ห่วงยาง นั่นเองแหละค่ะ ….


1. อะโวคาโด :

อะโวคาโดนั้นมีสารอาหารที่อุดมไปด้วยสารเบตาซิสโตสเตอรอล ซึ่งจะช่วยในการดูดซึมของคอเลสเตอรอล มีเส้นใยอาหาร ทั้งชนิดที่ละลายน้ำ ซึ่งจะช่วยในการขจัดเจ้าคอเลสเตอรอลส่วนเกินให้ออกไปจากร่างกาย และชนิดที่ไม่ละลายน้ำ ซึ่งจะช่วยในการป้องกันอาการท้องผูก ปริมาณของอะโวคาโดที่แนะนำให้รับประทานต่อ 1 วัน คือ ครึ่งถ้วย


2. บร็อกโคลี่ :

นักค้นว้าวิจัยได้ระบุเอาไว้ว่า สารอาหารที่อยู่บร็อกโคลี่ในอย่างแคลเซียมนั้น จะช่วยทำให้ร่างกายสามารถที่จะเผาผลาญแคลอรีที่ได้สะสมเอาไว้จนเป็นไขมัน ส่วนเกินได้ และบร็อกโคลี่ก็เป็นผักที่เป็นแหล่งของสารอาหารอย่างแคลเซียม ซึ่งไม่มีไขมันอยู่เลย ปริมาณของบร็อกโคลี่ที่แนะนำให้รับประทานต่อ 1 วัน คือ 1 ถ้วยครึ่ง ถึง 2 ถ้วย


3. ถั่วและเมล็ดพืชต่างๆ :

ในถั่งแล้วเมล็ดพืชต่างๆ จะมีสารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ซึ่งมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนัก โดยเฉพาะในถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืชต่างๆ เช่น ถั่วลิสง ถั่วอัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดฟักทอง เมล็ดดอกทานตะวัน ปริมาณแนะนำให้รับประทานต่อ 1 วัน คือ 2 ช้อนโต๊ะ


4. น้ำมัน :

คุณควรจะเลือกกินน้ำมันที่มีประโยชน์ในการช่วยลดน้ำหนักได้ น้ำมันพืชต่างๆ ที่ช่วยในการลดน้ำหนักได้ ได้แก่ น้ำมันมะกอก น้ำมันชา น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันดอกทานตะวัน ปริมาณแนะนำให้รับประทานต่อ 1 วัน คือ 1 ช้อนโต๊ะ



นอกจากคุณจะดูแลเรื่องอาหารการ กินแล้ว 

สิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปด้วย ก็คือต้องทำการออกกำลังกายให้เป็นประจำด้วยนะคะ คุณจะได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และมีความสวยสดใสอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ …








ที่มา  :   http://www.shape.in.th/1017



จัดทำโดย  :   www.v-careskinshop.com






***********************************************************

www.v-careskinshop.com   จัดจำหน่าย อาหารเสริมเพื่อ ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน กลูต้า กลูต้าไธโอน มีรีวิว ไลโปไลซิส ทู  lypolysis II ลิด้า ลิโซ่ บาชิ ผงบุก แอลคาร์นิทีน ครีมหน้าใส




อาหารที่จะช่วยลดความอยากอาหาร ต้นเหตุ ของการ ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน แล้วไม่สำเร็จ




หากคุณสามารถลดความอยากอาหารลงได้ หุ่นสวยๆ ก็จะตามมาอย่างแน่นอน

อาการ ความอยากของการมีหุ่นสวย เป็นเรื่องที่สาวๆ หลายคนปรารถนากัน …. แต่ในเมื่อปากมันอยาก ห้ามใจยังไงก็ไม่อยู่ จำใจให้คุณสาวๆ ต้องกินแล้วกินอีก ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาก็คือความอ้วนที่คุณสาวๆ กลัวกันมากเลยใช่ไหมค่ะ ไม่ว่าคุณสาวๆ จะทำการออกกำลังกายมากซักแค่ไหน ใช้อุปกรณ์ต่างๆ หรือตัวช่วยมากมายซักเท่าไหร่ก็ตาม แต่ถ้าความอยากอาหารของคุณมันทำให้คุณห้ามใจเอาไว้ไม่อยู่ จนคุณต้องกินอาหารเข้าไป มันก็จะการเสียเวลาไปเปล่าๆ ถ้าหากว่าเราไม่สามารถที่จะลดความอยากอาหารให้ได้


ดังนั้นจะดีมากแค่ไหนล่ะคะ ถ้าหากว่าเราสามารถที่จะลดความอยากอาหารลงได้ ด้วยอาหารและของรับประทานเล่นที่อยู่ใกล้ๆ ตัวเรานี่เอง … โอ้ ว้าว !! คุณสาวๆ ฟังไม่ผิดหรอกค่ะ อาหารที่จะช่วยลดความอยากอาหารลงได้ 

จะเป็นอะไรได้บ้างนั้น เราลองไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ


1. ถั่ว

ถั่วแบบที่มีชื่อว่า Pine Nute นั้นจะไปช่วยระงับฮอร์โมนของความอยากอาหาร ที่มีชื่อว่า Cholecystokinin (CKK) ดังนั้นแล้ว จึงของแนะนำว่า ให้โรยถั่วนี้ลงไปในสลัด พาสต้าโฮลวีท หรืออาหารที่รับประทานเข้าไป แต่ถ้าคุณหาถั่วชนิดนี้ไม่ได้ล่ะก็ ก็ให้ใช้ถั่วอัลมอนด์ทดแทนเอาก็ได้เช่นกันค่ะ เพราะว่ามีถั่วอัลมอนด์ก็มีปฎิกิริยาในการขัดขวางการดูดซึมของไขมันในร่าง กาย จึงช่วยทำให้ลดน้ำหนักลงได้

2. อาหารร้อน

อาหารร้อน อย่างเช่น ซุป และน้ำชา เนื่องด้วยอุณหภูมิที่สูงนั้น จะทำให้ความอยากอาหารลดต่ำลง ดังนั้นแล้ว ก่อนการรับประทานอาหารในมื้อหนักๆ ก็ควรจะรับประทานซุป หรือน้ำชา ยิ่งถ้าได้จิบชาเขียวร้อนๆ ก็ขอบอกกันไว้เลยว่า จะยิ่งไปช่วยในเรื่องของการกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญพลังงานของร่างกายให้ดี ยิ่งขึ้นด้วยค่ะ

3. แอปเปิล

ในแอปเปิลนั้นมีปริมาณของไฟเบอร์ที่มากกว่าพืช องุ่น และส้มเสียอีก ซึ่งไฟเบอร์นี้จะไปช่วยทำให้คุณมีความรู้สึกว่าอิ่ม ช่วยป้องกันการรับประทานอาหารที่มากจนเกินพอดี เพราะฉะนั้นแล้ว จึงมีคำแนะนำให้รับประทานแอปเปิลก่อนที่จะรับประทานอาหารในมื้อค่ำค่ะ





ที่มา     http://www.shape.in.th/1017



จัดทำโดย    www.v-careskinshop.com





***********************************************************

www.v-careskinshop.com   จัดจำหน่าย อาหารเสริมเพื่อ ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน กลูต้า กลูต้าไธโอน มีรีวิว ไลโปไลซิส ทู  lypolysis II ลิด้า ลิโซ่ บาชิ ผงบุก แอลคาร์นิทีน ครีมหน้าใส




เคล็ดลับ ขาเรียวสวย



เคล็ดลับขาเรียวสวย

ขาเรียวเล็กเป็นที่ยอดปรารถนาของสาว ๆ แทบจะทุกคน ก็แหม…ถ้าใครมีขาที่เรียวสวย ความมั่นใจที่จะเลือกหยิบกางเกงขาสั้น กระโปรงสั้น มาใส่ก็เพิ่มขึ้นอีกโข แถมหนุ่ม ๆ หลายคนยังชอบแอบมองขาผู้หญิงด้วยนะ เพราะฉะนั้น หากจะบอกว่า ขาเรียวสวยเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของผู้หญิงก็คงไม่ผิดใช่มะ ว่าแต่…จะทำยังไงให้มีขาเรียวสวยได้ล่ะ

เอ้า…ตามมาอ่านกันจ้า

Step 1 : มาออกกำลังบริหารเรียวขาให้สวยสมใจกันดีกว่า

ก่อนอื่นจะมีขาเรียวสวยได้ก็ต้องหมั่นบริหารช่วงขาถูกไหมล่ะ เพราะฉะนั้น จะมัวรอช้าอยู่ใย เรามีเคล็ดลับเด็ด ๆ ที่จะช่วยบริหารช่วงขามาฝากกัน ใครถนัดท่าไหน เลือกบริหารกันได้ตามใจชอบเลยนะจ๊ะ
บริหารบั้นท้าย

ท่าที่ 1 ท่ายืน

โดยเริ่มจากยืนแยกขา งอเข่าเล็กน้อย หลังตรง มือเท้าสะเอว แล้วงอเข่าทำมุมเก้าสิบองศา เอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยจนตัวค้อมลงมาหาขาอ่อน ส้นเท้าแนบพื้น ลดตัวลงไปกระทั่งก้นอยู่ในระดับเดียวกับเข่า เกร็งไว้หนึ่งวินาที จากนั้นค่อย ๆ หวนกลับมาท่ายืน ทำซ้ำ 20 ครั้ง ทำบ่อย ๆ จะช่วยให้กล้ามเนื้อก้นและขาอ่อนส่วนหน้ากระชับ

ท่าที่ 2 ท่านอน

นอนหงายโดยงอขาข้างหนึ่งไว้แล้วให้เท้าข้างนั้นวางราบกับพื้น งอเข่าอีกข้างเข้ามาหาตัวและไขว้เหนือขาอ่อน ปล่อยให้หัวเข่าตกออกไปทางด้านนอก วางมือทั้งสองข้างไว้ระหว่างหัวเข่าและดึงขาด้านที่งออยู่ให้เข้าหาหน้าอก


บริหารขาอ่อน-ลดต้นขา

ท่าที่ 1

บริหารกล้ามเนื้อขาอ่อน หน้าขา และหลังขา เริ่มจากยืนตรง ยื่นขาข้างหนึ่งไปข้างหน้า แขม่วท้อง แล้วงอเข่าลง ทิ้งน้ำหนักลงที่ส้นเท้า เกร็งสะโพกไว้ แล้วค่อย ๆ กลับมายืนตัวตรงช้า ๆ ทำซ้ำ 15 ครั้ง และทำสลับกับขาอีกข้าง

ท่าที่ 2

ออกกำลังขาอ่อนด้านใน ให้สาว ๆ นอนตะแคงซ้าย งอเข่าขวาพาดพื้น ขาซ้ายยืดตรง จากนั้นค่อย ๆ ยกขาซ้ายขึ้น เกร็งไว้ประมาณ 1 วินาที แล้วยกลง ทำซ้ำแบบนี้ 15 – 20 ครั้ง แล้วสลับกับขาอีกข้าง

ท่าที่ 3

ยืดกล้ามเนื้อขาอ่อนด้านใน (Butterfly Stretch) เริ่มจากนั่งลงโดยให้หัวเข่างอและชี้ไปด้านนอกและให้ฝ่าเท้าทั้งสองข้าง ประกบกันอยู่ตรงกลาง วางข้อศอกทั้งสองข้างไว้ด้านในหัวเข่าทั้งสองแล้วค่อย ๆ โน้มตัวไปข้างหน้า ค่อยกดหัวเข่าทั้งสองข้างลงหาพื้น

ท่าที่ 4

ออกกำลังกายขาอ่อนด้านในไปแล้ว ก็มาออกกำลังกายขาอ่อนด้านนอกกันบ้าง ซึ่งวิธีการก็คล้ายกับการบริหารขาอ่อนด้านใน โดยให้สาว ๆ นอนตะแคงข้าง งอเข่าขวาเล็กน้อย แต่ใช้มือขวารองรับศรีษะไว้ ส่วนขาซ้ายเหยียดตรงแล้วค่อย ๆ ยกขึ้น เกร็งไว้ 1 วินาทีแล้วลดลง ทำซ้ำ 15 – 20 ครั้ง จากนั้นสลับทำกับอีกข้าง

ท่าที่ 5

ทีนี้ก็มาออกกำลังกายขาอ่อนด้านในและด้านนอกพร้อม ๆ กัน ให้ยืนตรงแยกขา มือเท้าสะเอวไว้ ย่อเข่าขวาลงแล้วก้าวเท้าออกมาข้างหน้าจนกระทั่งขาอ่อนขวาขนานกับพื้น พยายามอย่าให้เข่ายื่นเลยข้อเท้าขวา ค่อย ๆ รั้งเท้าซ้ายกลับ กดแนบพื้นเพื่อสร้างแรงต้านกระทั่งเท้ามาคู่กันและกลับสู่ท่าเดิม ทำซ้ำกับขาซ้าย ทำข้างละ 15 – 20 ครั้ง

ท่าที่ 6

ให้นอนราบลงบนพื้น ไขว้ข้อเท้าไว้ด้วยกัน แล้วพยายามงอเข่าให้เข้ามาชิดตัวให้มากที่สุด ขณะที่ข้อเท้ายังไขว้กันอยู่ จากนั้นค่อยยืดขาออก คลายข้อเท้าทั้งสองเท้าออกจากกัน แล้วกลับสู่ท่าเริ่มต้น ฝึกทำบ่อย ๆ ประมาณ 24 ครั้งต่อวัน

ท่าที่ 7

หาผ้าปู หรือเบาะรองนั่งมารองก้น เพื่อรับน้ำหนักและป้องกันการเจ็บก้น นอนหงายไปกับพื้น จากนั้นยกขาขึ้นทั้งสองข้างขึ้นเหยียดตรง ค้างเอาไว้ แยกขาออกจากกันไปทางด้านข้างแล้วหุบขา ทำซ้ำไปมา 20 ครั้ง และปิดท้ายด้วยการปั่นจักรยานกลางอากาศ พยายามทำให้เร็ว และให้มากครั้งที่สุด ก่อนจะเปลี่ยนท่ามานั่งกับเก้าอี้ เหยียดขาให้ตรง ยกขาขึ้นจากพื้นเล็กน้อย สลับซ้าย-ขวากันไปมา อย่างน้อย 100 ครั้ง

ท่าที่ 8

ยืนหันข้างให้กับกำแพง วางมือบนกำแพง เหยียดขาข้างที่ไม่ได้ชิดกำแพง ยกขึ้นมา 90 องศา ด้านหน้าพยายามให้ขนานกับพื้น ทำอย่างน้อย 10 ครั้ง ต่อด้วยการยกขาขึ้นทางด้านข้างและด้านหลัง อย่างละ 10 ครั้งเหมือนกัน จากนั้นเปลี่ยนเป็นขาอีกข้างหนึ่ง ทำซ้ำ ๆ เหมือนกัน

ท่าที่ 9

ต้องใช้เวท น้ำหนัก 1 กิโลกรัม เป็นตัวช่วยด้วยค่ะ ให้นอนลงกับพื้นแล้วผูกเวทติดไว้ที่ขา แล้วยกขาให้สูงขึ้นจากพื้น 45 องศา อย่างช้า ๆ นับ 1-5 แล้ววางลง จนเมื่อร่างกายเริ่มชินกับน้ำหนักของเวท ให้ยกขาขึ้นลงด้วยความเร็วมากขึ้น โดยท่าลดต้นขานี้ควรทำทีละข้าง ครั้งละ 3 เซต เซตละ 10 ครั้ง หมั่นทำบ่อย ๆ อาทิตย์ละ 2-3 ครั้งค่ะ เมื่อทำจนชำนาญแล้ว ก็อาจจะยกขาให้สูงขึ้นกว่าเดิมได้

ท่าที่ 10

ท่านี้จะเป็นการบริหารต้นขาด้านหน้าได้อย่างดีเลยล่ะ โดยให้คุณสาว ๆ นอนหงาย แล้วสอดมือทั้ง 2 ข้างรองก้นไว้ งอเข่าซ้ายขึ้นมาเข้าหาอก แล้วยก-เหยียดขาขวาขึ้นข้างบนอย่างช้า ๆ เมื่อเหยียดขาขวาจนสุดแล้ว ให้ค้างอยู่ในท่านั้นสักครู่ เพื่อให้เกิดความรู้สึกตึงที่ต้นขาด้านหน้า และด้านหลังของลำขา จากนั้นกลับสู่ท่าเริ่มต้น โดยเปลี่ยนเป็นงอเข่าขวาเข้าหาอก แล้วเหยียดขาซ้ายยกขึ้นสูงแทน ทำ 3 เซ็ต เซ็ตละ 10-15 ครั้ง ต่อวัน และควรทำเป็นประจำ 3-5 วันต่อสัปดาห์ค่ะ

ท่าที่ 11

ท่านี้อิมพอร์ตมาจากประเทศญี่ปุ่นค่ะ โดยให้คุณสาว ๆ อยู่ในท่ายืน ยกขาข้างหนึ่งไปข้างหน้า ปลายเท้าชี้ขึ้นฟ้า จากนั้นค่อย ๆ ลากขามาข้างหลัง ไขว้ไปที่ขาอีกข้างแล้วค้างไว้นานประมาณ 20 วินาที จากนั้นสลับมาทำอีกข้าง จะช่วยให้ต้นขาเล็กลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ แถมท่านี้ยังทำได้ง่าย ๆ แม้คุณจะยืนทำอะไรอยู่ก็ตาม

ท่าที่ 12

ขอเอาใจคนรักการว่ายน้ำบ้าง เพราะวิธีลดต้นขานี้สามารถทำได้ในน้ำค่ะ ง่าย ๆ เลยก็คือ ให้ใช้แขนทั้งสองข้างจับขอบสระ คว่ำหน้า ยืดขาเหยียดให้ลอยตัวพร้อมกับตีขาไปจนเมื่อย แล้วพักสักครู่ก่อนจะตีขาต่อ ทำประมาณ 10-15 ครั้งค่ะ
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งท่า ก็คือ ให้ยืนในน้ำ หันข้างให้ขอบสระ มือหนึ่งจับขอบสระไว้ อีกมือหนึ่งเท้าเอวไว้ เหยียดขาให้ตรง แล้วเหวี่ยงขาข้างเดียวกับที่เท้าเอวไปข้างหน้า แล้วเหวี่ยงกลับ ทำทั้งหมด 20 ครั้ง แล้วสลับมาทำอีกข้างหนึ่งอีก 20 ครั้ง ทำซ้ำจนครบ 10-15 ครั้ง จะช่วยบริหารต้นขาได้เยี่ยมเลยล่ะ


บริหารน่อง

ท่าที่ 1 บริหารกล้ามเนื้อน่องส่วนหลัง

ท่านี้ต้องใช้อุปกรณ์อย่างเช่นม้านั่งตัวเล็ก ๆ หรือบันไดเล็ก ๆ และหาสถานที่ที่มีราวจับหน่อย เพื่อความสมดุลในการทรงตัว

เริ่มจากให้ยืนอยู่บนบันไดโดยให้ส้นเท้าทั้งสองข้างยืดลอยไปด้านหลัง ยกตัวขึ้นโดยเขย่งด้วยปลายเท้าช้า ๆ จากนั้นวางเท้าลงตามเดิม แล้วเขย่งตัวขึ้นใหม่ซ้ำ ๆ หลาย ๆ รอบ ท่านี้จะช่วยยืดกล้ามเนื้อน่องส่วนหลังและทำให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น

ท่าที่ 2 บริหารกล้ามเนื้อน่องด้านหลัง ด้วยลูกบอลบริหาร

ให้สาว ๆ นอนลงบนพื้น ยกส้นเท้าให้วางอยู่บนลูกบอลสำหรับบริหาร ยืดปลายเท้ากลับเข้ามาหาตัว ยกบั้นท้ายขึ้นจากพื้น จากนั้นค่อย ๆ หมุนลูกบอลเข้ามาจนหัวเข่าขึ้นมาอยู่เหนือตะโพก จากนั้นหมุนลูกบอลกลับไปที่เดิม

ท่าที่ 3 ยืดน่อง

ยืนห่างจากต้นไม้หรือกำแพงหนึ่งช่วงแขน ยกขาข้างหนึ่งไปข้างหลังและงอเข่าของขาข้างที่อยู่ด้านหน้า โน้มลำตัวไปข้างหน้าและวางมือทั้งสองข้างลงบนต้นไม้โดยให้แขนดึง เพื่อยันเอาไว้ไม่ให้ล้ม โน้มตะโพกมาข้างหน้า และงอเข่าด้านที่อยู่ด้านหน้า ดันส้นเท้าของเท้าหลังให้ยึดติดกับพื้น หากรู้สึกการยืดกล้ามเนื้อท่านี้ทำให้ไม่สบายหรือทำได้ลำบาก ก็ลดความห่างระหว่างเท้าหน้าและเท้าหลังลง เมื่อทำเสร็จแล้วก็สลับทำอีกข้าง


บริการกล้ามเนื้อขา

ให้นอนตะแคงทับเหนือลูกบอลบริหาร วางสมดุลไว้ที่เท้าล่าง จากนั้นยกลำตัวขึ้นและลงโดยทำให้ได้ระยะยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้และทำ อย่างกระฉับกระเฉง เพื่อให้ยากขึ้นอีกหน่อย ให้ยกขาด้านที่อยู่ด้านบนวนเป็นวงกลมพร้อมกันไป เมื่อทำเสร็จแล้วให้เปลี่ยนมาทำอีกข้างหนึ่ง

Step 2 : แก้ปัญหาผิวพรรณ

แม้ว่าการบริหารช่วงขาของคุณอย่างเอาเป็นเอาตาย อาจจะทำให้คุณมีขาเรียวเล็กสวยได้สมใจแล้ว แต่สาว ๆ จะกล้านุ่งสั้นหรือจ๊ะ ถ้าเรียวขาของเราลายพร้อย แถมยังเป็นแผลเป็น เส้นเลือดขอด เซลลูไลท์ อีกต่างหาก แบบนี้ไม่ไหวแน่ ต้องมาดูแลผิวพรรณช่วงขากันก่อนแล้วล่ะ
กำจัดขนหน้าแข้ง

ใคร ๆ ก็มีขนหน้าแข้งทั้งนั้น แต่ถ้ามีเกินงามก็ดูไม่เหมาะใช่ไหมล่ะ

ลองดูวิธีการกำจัดขนหน้าแข้งที่เรารวบรวมมาฝากกัน

โกน วิธีเบสิกที่ง่ายและเร็ว แนะนำให้โกนขนขณะอาบน้ำอุ่น เพราะน้ำอุ่นจะช่วยให้รูขุมขนเปิด ทำให้โกนได้ง่าย ลื่นมือ โดยอาจใช้เจล หรือโฟมโกนหนวด เพื่อช่วยหล่อลื่น กระชับผิวหลังการโกนได้ด้วย จากนั้นก็ใช้ออยล์ลูบไล้ผิวที่ยังเปียก ๆ อยู่ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว แล้วซับด้วยผ้าขนหนูให้แห้ง
ครีมขจัดขน สะดวก รวดเร็ว แต่ต้องเลือกใช้ให้ดี เพราะบางรายอาจเกิดอาการแพ้ได้
ย้อมสี ควรเลือกสีที่เข้ากับผิวของสาวเอเชีย อย่างสีน้ำตาลอ่อน หรือสีน้ำตาล


กำจัดผิวเซลลูไลท์ (cellulite)


ผิวเปลือกส้มที่ต้นขา และเรียวขา ย่อมไม่เป็นที่ปรารถนาของสาว ๆ ทุกคน

ว่าแต่…จะจัดการปัญหาเซลลูไลท์อย่างไรดีนะ

ขจัดความเครียด

 เพราะความเครียดป้องกันการขจัดของเสียออกจากร่างกาย หันมาทำตัวสบาย ๆ ฝึกการหายใจ เพื่อให้ระบบร่างกายทำงานได้อย่างเหมาะสม
บริหารกล้ามเนื้อให้แข็งแรง อาจใช้ตุ้มน้ำหนักหรือบริหารออกแรงต้านก็ได้ เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อใต้ผิวหนังแน่นขึ้น

ใช้มะนาวช่วยกระจายเซลลูไลท์ โดยจิบน้ำมะนาวครึ่งหนึ่งผสมกับน้ำร้อนอีกครึ่งหนึ่งในตอนเช้า

ใช้น้ำมันหอมระเหยนวดบริเวณที่ต้องการ เช่น Juniper บริสุทธิ์ช่วยขจัดของเสียส่วนเกินออกจากร่างกาย

ส่วนโรสแมรี่จะช่วยป้องกันการอุดตันของต่อมน้ำเหลือง ซึ่งนั่นทำให้เซลลูไลท์น้อยลงไปด้วย

ดื่มน้ำให้มากขึ้น เพราะน้ำจะช่วยล้างเอาสารพิษต่าง ๆ ในร่างกายออกไป

หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อให้เกิดการเผาผลาญไขมัน และทำให้ก้อนไขมันมีขนาดเล็กลง ช่วยให้ผิวดูเรียบขึ้น

ใช้ฝ่ามือนวดที่ด้านหลังของเข่า หรือขาอ่อน ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่สามารถออกกำลังกายได้ อาจใช้ควบคู่กับ

ครีมลดไขมันเฉพาะส่วนหรือใช้เครื่องนวดก็ได้ เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อ การไหลเวียนของเลือด และระบบต่อมน้ำเหลือง ให้เนื้อเยื่อไขมันแตกตัว


ขัดผิวเวลาอาบน้ำช่วงเช้า เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิว และช่วยให้เลือดไหลเวียนสะดวก หรืออาจจะอาบน้ำอุ่นเพื่อช่วยช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตให้เป็นไปโดยสะดวก


สลายเซลลูไลท์ด้วยเทคโนโลยี หรือการทำศัลยกรรม ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกสรรหลากหลายวิธี


ควบคุมอาหาร ไม่รับประทานอาหารขยะ น้ำอัดลม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ให้ทานผักผลไม้สดให้มาก ๆ รวมทั้งทานอาหารโปรตีน จำพวกไข่ ปลา ถั่วต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

งดสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่จะไปทำลายการสร้างคอลลาเจนในผิว ซึ่งมันทำให้เซลลูไลท์เพิ่มขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้เลยล่ะ


แก้ปัญหาหัวเข่าดำ-ด้าน

บางคนต้องคุกเข่าบ่อย หรือไม่ได้ดูแลหัวเข่าเท่าที่ควร ทำให้หัวเข่าซึ่งเป็นบริเวณที่มีต่อมไขมันน้อยถูกเสียดสีจนดำคล้ำได้ง่าย ๆ

ลองใช้สูตรเด็ดต่อไปนี้ขัดผิวที่บริเวณหัวเข่าของคุณดู

ผสมน้ำมันทาตัว (หรือจะใช้น้ำมันมะกอกก็ได้) ครึ่งถ้วย กับน้ำตาลทราย 4–5 ช้อนโต๊ะ นวดลงผิวบริเวณหัวเข่าที่เปียกน้ำแล้วเป็นแนววงกลม น้ำตาลจะช่วยลอกสะเก็ดผิวแห้ง ๆ ออก ในขณะที่น้ำมันจะช่วยทำให้ผิวนุ่มขึ้น จากนั้น ก็ล้างออกด้วยสบู่ เช็ดให้แห้ง แล้วทาครีมชนิดเข้มข้นตามลงไปทันที ทำแบบนี้สัปดาห์ละครั้ง จะช่วยให้หัวเข่านุ่มเนียนขึ้น


แก้ปัญหาเส้นเลือดขอด

การรักษาเส้นเลือดขอดสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การใช้ถุงน่องทางการแพทย์ หรือการพันผ้ายืด รวมทั้งการฉีดยา หรือน้ำเกลือเข้าหลอดเลือดขอดให้เส้นตีบลง ซึ่งเห็นผลภายใน 6-8 สัปดาห์ แต่หากเส้นเลือดขอดมีขนาดใหญ่และยาวมาก แพทย์อาจจะแนะนำให้ผ่าตัดดึงเส้นเลือดขอดออกก็ได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของคนไข้ และการตัดสินใจของแพทย์ในแต่ละราย


วิธีป้องกันเส้นเลือดขอด

หลีกเลี่ยงการยืนอยู่เฉย ๆ ไม่ว่าจะยืน นั่ง หรือนั่งไขว่ห้างโดยไม่เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน ๆ เพราะการทำเช่นนี้ทำให้การไหลเวียนของโลหิตไม่ดี

หากใส่ส้นสูงเป็นประจำ และเป็นเวลานาน ควรพักเท้า โดยการนั่งหรือนอนยกเท้าสูงคราวละ 15 นาที หรือการพักเท้าบนม้านั่ง

ควบคุมน้ำหนักตัว และหมั่นออกกำลังกายด้วยการเดิน เพื่อเป็นการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบริเวณรอบน่อง

ถูตัวหรือแปรงตัวทุกวัน ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต โดยให้เริ่มถู หรือแปรงตั้งแต่เท้า แล้วไล่ขึ้นมาถึงหัวใจ

ไม่สวมเสื้อผ้าที่คับเกินไป โดยเฉพาะบริเวณเอวและต้นขา เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก หลีกเลี่ยงการยืน

ฝึกกล้ามเนื้อน่องให้แข็งแรง โดยการยืนตัวตรง เขย่งเท้าขึ้นลงช้า ๆ 3 ชุด ชุดละ 10 ครั้ง ช่วยให้เส้นเลือดดำที่ขาไหลกลับสู่ร่างกายส่วนบนได้ดีขึ้น หรือหากขณะนั่งทำงาน ควรกระดกข้อเท้าขึ้นและลงติดต่อกันหลาย ๆ ครั้ง ให้กล้ามเนื้อน่องเกร็งและคลายตัวสลับกัน

ใส่ถุงน่องแบบกระชับ

ปัญหารอยแผลเป็น

สำหรับวิธีแก้ปัญหารอยแผลเป็นนั้น อาจใช้เจล หรือครีมลบเลือนรอยแผลเป็นมาทาด้วย จะช่วยให้รอยแผลค่อย ๆ หายไปได้ หรือถ้าใครมีแผลเป็นมาก เพราะน้ำเหลืองไม่ดี ก็อาจจะเลือกใส่ถุงน่องที่มีสีเดียวกับสีผิวเรียวขาของเรา จะช่วยพรางรอยแผลเป็นไปได้

แต่ถ้าใครมีงบถึง

การทำศัลยกรรมด้วยเลเซอร์ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ลบรอยแผลเป็นออกไปจากเรียวขาของเราได้ค่ะ


ว้าว…เคล็ดลับดี ๆ เพียบเลย ลองเลือกใช้เลือกบริหารกันดูนะคะ อ้อ…แต่คุณสาว ๆ ต้องอดทนกันหน่อยนะ รับรองว่า ถ้าหมั่นบริหารเป็นประจำ ความฝันที่จะมีเรียวขาคู่สวยอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน ทีนี้ก็หยิบกางเกงขาสั้นสวย ๆ มาใส่ได้อย่างมั่นใจแล้วนะ









ที่มา     http://www.shape.in.th/1017



จัดทำโดย    www.v-careskinshop.com





***********************************************************

www.v-careskinshop.com   จัดจำหน่าย อาหารเสริมเพื่อ ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน กลูต้า กลูต้าไธโอน มีรีวิว ไลโปไลซิส ทู  lypolysis II ลิด้า ลิโซ่ บาชิ ผงบุก แอลคาร์นิทีน ครีมหน้าใส




เทคนิค เพิ่มน้ำหนัก สำหรับ คนผอม



เทคนิคการเพิ่มน้ำหนักสำหรับคนผอม

สำนักงานตรวจสุขภาพแห่งชาติ กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ได้ศึกษาในประชาชนชาวเมืองเบอร์เกน ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างดัชนีมวลกายกับสุขภาพ พบว่าผู้หญิงที่มีน้ำหนักน้อยเกินไปมีความเสี่ยงสูงต่อการแท้งบุตร เพราะรังไข่ทำงานผิดปกติ และคนที่อดอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนัก มักได้รับสารอาหารจำเป็นไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายขาดสมดุล การทำงานของฮอร์โมนและระบบต่างๆทำงานผิดปกติ เช่น อาจขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ขาด ๆ หาย ๆ และเป็นโรคกระดูกพรุนได้ง่าย เพราะหน้าที่หนึ่งของฮอร์โมนเอสโตรเจนคือนำพาแคลเซียมไปที่กระดูก

และงานวิจัยยังพบอีกว่า 

คนที่มีน้ำหนักตัวน้อยเกินไปทำให้สมองต้องทำงานหนัก เพราะสมองทำงานโดยอาศัยน้ำตาลกลูโคสเป็นพลังงาน ถ้าอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักจนทำให้ร่างกายได้รับกลูโคสไม่เพียงพอ 

 สมองจึงสร้างสารโดปามีน เพื่อเพิ่มการส่งคำสั่งไปยังกล้ามเนื้อ

 สมองจึงต้องทำงานหนักขึ้น ถ้าไม่อยากให้สมองทำงานหนักโดยไม่จำเป็น 

 และโรคภัยจากความผอมมาเยือน

 เรามีเทคนิคการเพิ่มน้ำหนักมาฝากค่ะ

เน้นกินอาหารที่เพิ่มพลังงาน เช่นแป้ง น้ำตาล ผัก ผลไม้ ให้มากกว่าเดิม แต่ควรให้หมุนเวียนชนิดกันไป และการเพิ่มน้ำหนักที่ดีควรเพิ่มไม่เกินสัปดาห์ละ 0.5-1 กิโลกรัม อย่างสม่ำเสมอ

กินอาหารให้ได้สัดส่วนทั้งคาร์โบไฮเดรท โปรตีน ไขมัน แทนที่จะเพิ่มแต่ของหวาน ๆ มัน ๆ อย่างที่นิยมกัน เพราะถ้าเพิ่มน้ำหนักวิธีนั้นจะได้เป็นไขมันสะสมตามหน้าขา หน้าท้อง ต้นขา ซึ่งคงไม่มีใครอภิรมย์แน่ค่ะ


เลือกอาหารชนิดที่ให้พลังงานสูง แต่จานไม่ใหญ่นัก เช่น ระหว่างสลัดผักกับไข่ดาวกับสเต็กปลา สเต็กปลาอาจจะให้พลังงานมากกว่าขณะที่กินในปริมาณที่น้อยกว่า


เพิ่มมื้อย่อยรวมเป็น 4-6 มื้อต่อวัน 

โดยเพิ่มมื้ออาหารว่างเข้าไป เช่น ซาลาเปาไส้ถั่วดำ 1 ลูก น้ำส้มคั้น 1 แก้ว หรือถั่วต้ม เป็นต้น


เพิ่มวิตามินและเกลือแร่ โดยเฉพาะวิตามินบีรวม จะช่วยเพิ่มความอยากอาหาร และช่วยเผาผลาญอาหารในร่างกายให้เป็นพลังงาน


ก่อนเวลาอาหารให้เดินหรือทำกิจกรรมเบาๆเพื่อช่วยเรียกความอยากอาหาร แต่ถ้าทำกิจกรรมหนักและนานเกินไป ร่างกายจะเพลียและเหนื่อยเกินไปจนกินอะไรไม่ลง หรือจะจิบแกงจืดหรือซุปใสอุ่น ๆ เพื่อเรียกน้ำย่อยก่อนอาหารก็ไม่เลว


ออกกำลังกายให้ถึงพีค สัปดาห์ละ 3 ครั้งร่วมกับเพิ่มอาหารโปรตีน เช่น โปรตีนจากถั่ว ปลา และอาหารทะเล จะช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อและได้หัวใจที่แข็งแรง และเพิ่มความอยากอาหาร คนผอมที่คิดว่าออกกำลังกายจะยิ่งทำให้ผอมลง เป็นความคิดที่ผิดนะคะ


สังเกตว่าสิ่งแวดล้อมแบบไหนที่ช่วยให้เจริญอาหาร แล้วพยายามสร้างบรรยากาศเช่นนั้นในการรับประทานอาหาร เช่น โต๊ะอาหารที่จัดบรรยากาศให้น่ารัก หรือถ้วยชามลายกระจุ๋มกระจิ๋ม

นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะขณะหลับร่างกายจะใช้พลังงานน้อยลง

ต้องตั้งใจและสัญญากับตัวเองว่าจะต้องเพิ่มน้ำหนักให้สำเร็จ และควรให้รางวัลกับตัวเองเป็นระยะๆ เมื่อเพิ่ม


คนหุ่นสมาร์ท สุขภาพดี รอทักทายคุณอยู่ที่หน้ากระจกแล้วค่ะ







ที่มา     http://www.shape.in.th/1017



จัดทำโดย    www.v-careskinshop.com





***********************************************************

www.v-careskinshop.com   จัดจำหน่าย อาหารเสริมเพื่อ ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน กลูต้า กลูต้าไธโอน มีรีวิว ไลโปไลซิส ทู  lypolysis II ลิด้า ลิโซ่ บาชิ ผงบุก แอลคาร์นิทีน ครีมหน้าใส





รักษาหุ่น ให้สวยตลอดไป หลังการลดน้ำหนัก ลดความอ้วน กันค่ะ



รักษาหุ่นให้สวย หลังการไดเอท ด้วยเคล็ดลับสุดเด็ด

ก่อนอื่นก็ต้องขอแสดงความยินดีกับคุณสาวๆ ด้วยนะคะ หากคุณนั้นเป็นคนหนึ่งที่สามารถลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมายที่คุณตั้งเอาไว้ได้ … 

แต่ว่าคุณก็ยังคงมีความรู้สึกกังวลอยู่ใช่ไหมล่ะค่ะ ว่าจะรักษาหุ่นสวยๆ แบบนี้อย่างไร ให้สามารถอยู่คงทนต่อไปได้โดยที่ไม่ต้องกลับมาอ้วนอีก แน่นอนค่ะ ในเมื่อคุณอุตส่าห์ทุ่มทั้งแรงกายและแรงใจมาอย่างมากมายในการลดน้ำหนักครั้ง นี้ เพื่อให้ได้รูปร่างและหุ่นสวยตามที่ต้องการ ถ้าหากว่าต้องกลับไปเป็นหุ่นแบบเดิมอีกก็คงไม่ดีแน่แท้ ดังนั้นแล้วในวันนี้เราจึงนำเคล็ดลับเพื่อหลังการได้เอทให้หุ่นสวยๆ อยู่คู่กับสาวๆ ตลอดไป มาแนะนำกันค่ะ


1. เดินออกกำลังกาย

โรคอ้วนนั้นกำลังแพร่ระบาดไปทั่วประเทศไทย และก็มีแนวโน้มว่าจะแพร่ระบาดหนักขึ้นไปอีกในทศวรรษหน้านี้ การใช้เวลาในแต่ละวันซักประมาณ 20 นาที สำหรับเดินออกกำลังกาย จะช่วยทำให้ร่างกายของคุณได้มีกิจกรรมมากขึ้น หรือการเดินออกกำลังกายจำนวนวันละ 2,000 ก้าว ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่คุณจะต้องทำเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหนักกลับเพิ่มขึ้นมาอีก ถ้าอยากจะรู้ว่า คุณได้เดินออกกำลังกายไปกี่ก้าวแล้ว ก็ให้ลองใช้อุปกรณ์ช่วยอย่างเครื่อง Pedometer หรือมาตรวัดจำนวนก้าวติดเอาไว้ที่เข็มขัด จากนั้นก็ออกเดินไปได้เลย ไม่ว่าคุณจะไปไหนก็ตาม ตั้งแต่การจูงสุนัขออกไปเดินเล่น หรือจะออกไปเดินซื้อของแถวๆ บ้าน คุณก็สามารถดูจำนวนก้าวได้จากเครื่องนี้แหละค่ะ


2. กินแอปเปิล แบบเจ้าหญิงสโนว์ไวท์

สารอาหารที่อยู่ในแอปเปิลนั้น มีปริมาณของวิตามิซีมากถึง 15 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดเลยค่ะ เป็นปริมาณที่ร่างกายควรจะได้รับในแต่ละวันเชียวนะ เพื่อที่จะนำไปใช้ในการเสริมสร้างให้ร่างกายทุกส่วนมีสุขภาพที่ดี โดยทั่วไปแล้ว ถึงแอปเปิลจะอุดมไปด้วยวิตามินซี และสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยลดอัตราความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอด เลือด โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง จากการไดเอท เราก็อยากจะขอแนะนำให้คุณลองรับประทานแอปเปิล หรือผลไม้อื่นๆ จำนวนวันละ สองสามลูก หรือจะรับประทานมากกว่านั้นก็ได้ ดูสิค่ะ


3. Say No ไขมันแปรรูป

ไขมันแปรรูปนั้นก็แย่พอๆ กับไขมันอิ่มตัวนั่นแหล่ะ เพราะว่าไขมันแปรรูปจะทำให้ระดับของคอเลสเตอรอลโดยรวม และระดับของโปรตีนไลปิดความหนาแน่นต่ำ (LDL) ซึ่งเป็นการเพิ่มระดับของคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีให้สูงมากขึ้น แล้วก็ไปลดระดับของโปรตีนไลปิดความหนาแน่นสูง (HDL) ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายให้ลดน้อยลง การบริโภคไขมันแปรรูปอาจจะส่งผลในการขัดขวางการดูดซึมของไขมันที่ดีต่อ สุขภาพที่มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโต และการทำงานของอวัยวะต่างๆ สำคัญของร่างกายได้
4. ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บ้าง
ที่อนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นี้ หมายถึงว่าแค่ให้ดื่มจำนวนวันละหนึ่งถึงสองแก้ว สำหรับผู้ชาย และดื่มจำนวนวันละหนึ่งแก้ว สำหรับผู้หญิง ถ้าหากดื่มปริมาณที่มากจนเกินไปก็จะยิ่งไปเพิ่มอัตราความ เสี่ยงที่คุณจะเสพติดสารแอลกอฮอล์ได้ ซึ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้คุณ เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็งเต้านม โรคอ้วน โรคหลอดเลือดสมองตีบ และก็ยังมีอัตราการเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย และอัตราการประสบอุบัติเหตุอีกด้วยนะ


5. รับประทานวิตามินเสริม

จากการค้นคว้าวิจัยของ Journal of Nutrition (วารสารเกี่ยวกับโภชนาการ) พบว่าการรับประทานวิตามินรวมทุกๆ วันสามารถช่วยลดอัตราความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการกำเริบของโรคหัวใจในครั้ง แรก ทั้งในเพศชายและเพศหญิง ซึ่งผู้เขียนรายงานการค้นคว้าวิจัย มีความคิดว่าน่าจะเป็นผลมาจากวิตามินบีที่พบอยู่ในวิตามินรวม เช่นเดียวกัน กับวิตามินซีและวิตามินอีที่ทำหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ ส่วนแร่ธาตุอย่างซีลีเนียมและเบต้าแคโรทีนนั้น วิตามินเสริมเหล่านี้ไม่สามารถที่จะไปทดแทนคุณค่าอาหารที่คุณได้จากอาหาร ปกติได้เลย แต่มันก็ยังสามารถช่วยปกป้องโครงสร้างพื้นฐานของร่างกายได้


6. ลดการรับประทานเกลือลงหน่อย

สำหรับคนที่ชอบเติมเกลือเพิ่มลงไปในอาหาร การที่ร่างกายได้รับปริมาณของโซเดียมที่มากจนเกินไป จะส่งผลเสียต่อร่างกายทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูงได้ โดยชาวไทยจำนวนมากกว่า 12 ล้านคน หรือเท่ากับจำนวนหนึ่งในห้าของทั้งประเทศ มีความดันโลหิตสูง โดยจำนวนหนึ่งในสามของคนเหล่านี้ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเป็นโรคความดันโลหิต สูง ซึ่งโรคความดันโลหิตสูงนั้น เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โรคไต และโรคหลอดเลือดสมองตีบอีกด้วย แล้วแบบนี้ คุณก็ควรจะใช้เครื่องปรุงอื่นๆ แทนการใช้เกลือปรุงรสอาหารจะดีกว่านะคะ


7. จำเอาไว้ให้ขึ้นใจว่า สีน้ำตาลย่อมดีกว่าสีขาวนะ

แป้งโฮลวีตนั้น มีปริมาณของสารอาหารและเส้นใยอาหารมากกว่าแป้งขัดสีค่ะ ลองเปลี่ยนมารับประทานขนมปังโฮลวีตแทน การรับประทานขนมปังขาว และรับประทานข้าวกล้องแทนการรับประทานข้าวขาวจะดีกว่านะคะ ซึ่งข้าวโพดคั่ว และข้าวโอ๊ตบดหยาบ ก็ถือว่าเป็นธัญพืชเช่นกันค่ะ


8. รับประทานโยเกิร์ต

เป็นที่รู้ๆ กันนะคะว่า ธาตุแคลเซียมในโยเกิร์ตนั้น จะช่วยทำให้เสริมสร้างกระดูกให้มีความแข็งแรง แต่จริงๆ แล้วมีเหตุผลที่มากกว่าการรับประทานโยเกิร์ตเพื่อสุขภาพของกระดูกค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้ในโยเกิร์ตบางยี่ห้อก็ยังมี Inulin ซึ่งเป็นไฟเบอร์คล้ายๆ กับคาร์โบไฮเดรต ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ สามารถพบได้ในผักและผลไม้ ซึ่ง Inulin นี้จะไปช่วยเพิ่มการทำงานให้กับเซลล์ที่มีชีวิต และช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในระบบย่อยอาหาร และที่สำคัญอย่างยิ่งคือเป็นผู้ช่วยในการดูดซึมธาตุแคลเซียมได้เป็นอย่างดี อีกด้วย


9. ห่ออาหารกลับบ้านสิ

เดี๋ยวนี้อาหารต่างๆ หรือ Fast Food มีขนาดจานที่ใหญ่ขึ้นมากจริงๆ และในบางคน ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะรับประทานให้หมดจาน ดังนั้นแล้ว เมื่อคุณสั่งอาหารแล้ว ให้คุณขอแบ่งอาหารซักครึ่งหนึ่งนำไปใส่กล่องเพื่อกลับบ้าน แทนสิ เพื่อที่คุณจะสามารถเก็บเอาไปไว้รับประทานในวันต่อไปได้ด้วย จะได้ช่วยให้คุณประหยัดค่าอาหาร อีกทั้งยังจะช่วยให้คุณมีรูปร่างที่สมส่วนด้วยไงล่ะคะ


10. ดื่มน้ำให้มากๆ

น้ำนั้นมีความสำคัญต่อกระบวนการเผาผลาญทั้งหมดในร่างกายของเรา น้ำช่วยในการย่อยไขมัน ซึ่งจะทำให้มีน้ำหนักตัวที่ลดลง และยังจะช่วยทำให้ผิวพรรณแลดูผ่องใสอีกด้วย เคล็ดลับที่สำคัญก็คือ ควรจะดื่มน้ำปริมาณ 200 มิลลิลิตร ต่อแก้ว จำนวนวันละ 8-10 แก้ว หรือถ้าคุณรับประทานผักและผลไม้ที่มีส่วนประกอบของน้ำอยู่ด้วย ก็จะสามารถช่วยเพิ่มปริมาณของน้ำในร่างกายของเราได้เหมือนกันค่ะ
เพียงเคล็ดลับทั้ง 10 ข้อนี้ ก็สามารถช่วยทำให้คุณมีหุ่นสวยได้โดยไม่ต้องกังวลว่า ความอ้วนของคุณจะกลับมากวนใจคุณอีกแล้วล่ะค่ะ








ที่มา     http://www.shape.in.th/1017



จัดทำโดย    www.v-careskinshop.com






***********************************************************

www.v-careskinshop.com   จัดจำหน่าย อาหารเสริมเพื่อ ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน กลูต้า กลูต้าไธโอน มีรีวิว ไลโปไลซิส ทู  lypolysis II ลิด้า ลิโซ่ บาชิ ผงบุก แอลคาร์นิทีน ครีมหน้าใส





อาหารว่าง ที่ช่วย ลดความอ้วน ลดน้ำหนัก อย่างง่าย ๆ อร่อย และ ผอมนะคะ





รายการอาหารว่างที่อุดมไปด้วยสารอาหารประเภทโปรตีน

หากว่า คุณเป็นคนหนึ่ง ที่ใส่ใจต่อสุขภาพร่างกาย และพยายามที่จะหาของรับประทานเล่นที่เพื่อช่วยใน การควบคุมน้ำหนัก และเป็นมิตรต่อสุขภาพร่างกาย รวมทั้งไม่เพิ่มปริมาณของน้ำตาล หรือคอเลสเตอรอลให้กับร่างกายมากนัก ก็ลองพิจารณารายการอาหารว่าง สำหรับรับประทานเล่นที่อุดมไปด้วยสารอาหารประเภทโปรตีนเหล่านี้ดูนะคะ


1. เนื้อแดดเดียว หรือ Beef Jerky

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อกันค่ะ ว่าเนื้อแดดเดียวนี้ สามารถให้พลังงานได้มากถึง 70 แคลอรี มีปริมาณไขมันเพียงแค่หนึ่งกรัม แต่มีปริมาณของโปรตีนมากถึง 11 กรัม แต่อย่างไรก็ตาม ควรจะพยายามเลือกเนื้อที่ไม่ได้ใส่เกลือในปริมาณที่มากจนเกินไป หรืออาจจะทำเอาเอง เก็บไว้รับประทานที่บ้านกับครอบครัว ก็ไม่ได้มีใครสงวนลิขสิทธิ์ไว้นะคะ


2. ไข่ขาว

ไข่ขาวนั้น ถึงจะให้พลังงานแค่เพียง 15 แคลอรี แต่ว่าใข่ขาวนั้นไม่มีปริมาณของไขมันและคอเลสเตอรอลอยู่เลย และให้ปริมาณโปรตีนถึง 4 กรัมด้วยกัน นำไข่ขาวมาทอดโดยไม่ใช้น้ำมันซักประมาณสองสามลูก ใส่พริกไทยและหอมใหญ่เพิ่มลงไป แค่นี้ก็สามารถรับประทานได้อย่างรวดเร็ว ทันใจ และยังได้สุขภาพร่างกายที่ดีด้วยค่ะ


3. ชีสที่ทำเองและผลไม้

การรับประทานชีสที่ทำด้วยตัวเอง (สามารถที่จะหาวิธีทำได้โดยทั่วไปค่ะ) จะได้ปริมาณของโปรตีน 16 กรัม ได้พลังงาน 102 แคลอรี และได้ปริมาณของไขมัน 2 กรัม หรือคุณอาจจะเพิ่มผลไม้ในระหว่างการรับประทานชีสไปด้วยก็ได้ค่ะ รับรองว่าได้ทั้งความสะดวกรวดเร็ว และยังเป็นอาหารว่างเพื่อสุขภาพที่ดีอีกด้วยค่ะ
4. ปลาทูน่า
ปลาทูน่านั้น เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารประเภทโปรตีน ซึ่งมีปริมาณอยู่ประมาณ 25 กรัมต่อ 1 กระป๋อง และนอกจากนี้ก็ยังให้พลังงานมากถึง 111 แคลอรี โดยปราศจากไขมันอีกด้วย แต่คุณก็อย่าเพิ่มราดซอสมายองเนสเข้าไปด้วยด้วยล่ะ เดี๋ยวจะไปเพิ่มปริมาณของไขมันให้ร่างกายคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว


5. แท่งโปรตีน (Protien Bar)

แท่งโปรตีนนั้น เป็นอาหารว่างที่ให้ปริมาณโปรตีนที่สูงมาก แต่ก็ควรจะเลือกที่มีปริมาณของไขมันและปริมาณของคาร์โบไฮเดรตน้อย ในโปรตีน บาร์หนึ่งแท่ง จะให้ปริมาณของโปรตีน 30 กรัม ให้ปริมาณคาร์โบไฮเดรต 6 กรัม และให้ปริมาณของไขมัน 5 กรัม


6. น้ำโปรตีนปั่น

ในประเทศไทยนั้น อาจจะยังไม่มีโปรตีนเพื่อใช้สำหรับการปั่น แต่คุณเองก็สามารถจะทำได้ง่ายๆ ด้วยสูตรดังต่อไปนี้

- นมถั่วเหลือง จำนวน 2 ถ้วย

- ไข่ขาว จำนวน 3 ฟอง

- กล้วย จำนวน 1 ผล

- น้ำมันเมล็ดปอ จำนวน 2 ช้อนโต๊ะ

- เนยถั่ว จำนวน 1 ช้อนโต๊ะ

- ข้าวโอ๊ต จำนวน 1/3 ถ้วย

นำทั้งหมดนี้มาปั่นให้เข้ากัน คุณก็จะได้โปรตีนปั่น ที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารแล้วค่ะ


7. ซุปธัญพืช

ซุปธัญพืช อย่างประเภทซุปถั่ว หรือเมล็ดธัญพืชต่างๆ ในซุปธัญพืชหนึ่งถ้วยนั้น จะให้พลังงานมากถึง 230 แคลอรี ให้ปริมาณของไขมัน 1 กรัม และให้ปริมาณของโปรตีน 18 กรัม


8. เนยถั่ว

ถ้าหากว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบการรับประทานแซนวิชเนยถั่ว นี่ก็เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนชนิดหนึ่งเลยทีเดียว โดยในเนยถั่วจำนวนหนึ่งช้อนโต๊ะ จะให้ปริมาณของโปรตีน 4 กรัม ให้ปริมาณของไขมัน 8 กรัม และให้พลังงาน 95 แคลอรี แต่ทางที่ดี คุณก็ควรจะนำไปทาลงบนขนมปังโฮลวีท และเพิ่มผลไม้เข้าไปในแซนวิชด้วยค่ะ


9. ข้าวโอ๊ต

เพิ่มเนื้อปลาทูนา หรือจะใส่ไข่ ลงไปในข้าวโอ๊ตของคุณ แค่นี้ก็กลายเป็นอาหารที่เต็มไปด้วยคุณค่าอาหารได้อย่างง่ายๆ สำหรับคุณแล้วค่ะ


นี่ก็คือรายการอาหารว่างที่อุดม ไปด้วยสารอาหารประเภทโปรตีนค่ะ คุณสาวๆ ทั้งหลายก็ลองไปหามารับประทานดูนะคะ จะได้ไม่ต้องกังวลว่า จะรับประทานอะไรดีนะ ที่จะไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย แถมยังไม่ทำให้หุ่นคุณอ้วนอีกด้วยค่ะ




ที่มา     http://www.shape.in.th/1017



จัดทำโดย    www.v-careskinshop.com





***********************************************************

www.v-careskinshop.com   จัดจำหน่าย อาหารเสริมเพื่อ ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน กลูต้า กลูต้าไธโอน มีรีวิว ไลโปไลซิส ทู  lypolysis II ลิด้า ลิโซ่ บาชิ ผงบุก แอลคาร์นิทีน ครีมหน้าใส






ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน เห็นผลเร็วทันใจ ด้วยการไดเอท 4 สูตรค่ะ


วันนี้เรามี 4 สูตรของการไดเอทแบบใหม่ ที่คุณสาวๆ กำลังนิยมกันอยู่ทั่วโลก มาฝากกันค่ะ ซึ่งคุณก็สามารถที่จะทำตามได้อย่างไม่ยาก แต่ต้องอาศัยความเอาใจใส่เป็นพิเศษ ควบคู่กับเทคนิคใหม่ๆ ไปด้วยค่ะ เอาล่ะ เรามาดู 4 สูตรของการไดเอทที่ว่านี้กันเลยค่ะ



1) การไดเอทแบบ Abs Diet Power 12

การไดเอทแบบนี้ เป็นการยึดหลักการรับประทานทานอาหารเพียง 12 อย่าง อันได้แก่ อัลมอนด์ (Almond), ถั่ว (Beans), ผักโขม (Spinach), ผลิตภัณฑ์จากนม (Dairy products), ข้าวโอ๊ตกึ่งสำเร็จรูป (Instant oatmeal), ไข่ (Egg), ไก่งวง (Turkey), เนยถั่ว (Peanut butter), น้ำมันมะกอก (Olive Oil), ขนมปังโฮลวีต (Wheat Bread), โปรตีนผง (Effloresce Protein), ราสเบอร์รี่ (Raspberry), หรือผลไม้ตระกูลเบอรี่ต่างๆ และถ้านำเอาตัวอักษรข้างหน้าชื่อรายการอาหาร ทั้งหมดมารวมกัน ก็จะได้คำว่า “Abs Diet Power” พอดิบพอดีเลยค่ะ
โดยการรับประทานอาหารทั้ง 12 ชนิดนี้ จะช่วยในเรื่องการสลายไขมันที่สะสมในร่างกาย และยังไปช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญพลังงาน ทำให้ไม่มีไขมันสะสมใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาในร่างกายของเรา อีกทั้งขอแนะนำให้คุณดื่มน้ำผลไม้ เพราะว่าร่างกายของเราจำเป็นจะต้องมีวิตามินร่วมอยู่ด้วย เพื่อช่วยในการดูดซึมสารอาหารบางตัว และความหวานของน้ำผลไม้นั้น ยังจะช่วยทำให้คุณไม่รู้สึกหิวด้วย จะได้ไม่ต้องมีข้ออ้างเพื่อหาของมารับประทานโดยที่ไม่จำเป็น และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง ก็คือคุณต้องดื่มน้ำเปล่าให้ได้อย่างน้อยจำนวนวันละ 8 แก้ว นอกจากนี้แล้ว สูตรนี้นั้นยังจะอนุญาตให้คุณสาวๆ ที่ชอบการปาร์ตี้สังสรรค์ สามารถที่จะดื่มเครื่องดื่มที่เป็นแอลกอฮอล์ได้จำนวนอาทิตย์ละ 3 แก้วอีกด้วยนะคะ


2. การไดเอทตามสูตร Chocolate Diet

เคล็ดลับการไดเอทของสูตรนี้นั้น ขึ้นอยู่กับสารคาเฟอีนที่อยู่ในช็อกโกแลต ซึ่งสามารถไปช่วยในการกระตุ้นระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกายได้ ถ้ารับประทานช็อกโกแลตแท้ๆ แบบที่ไม่มีน้ำตาลอยู่เลย หรือแบบที่มีน้ำตาลในปริมาณไม่เกินร้อยละ 40 จะสามารถเพิ่มการเผาผลาญพลังงานของร่างกายในมื้อนั้นๆ ขึ้นได้อีกร้อยละ 15 เลยค่ะ และในระหว่างวัน ถ้ารับประทานช็อกโกแลตแบบที่มีปริมาณน้ำตาลต่ำๆ ชิ้นเล็กๆ สักประมาณสองชิ้น ก็จะทำให้คุณมีความรู้สึกอยากรับประทานของหวานน้อยลงไปด้วยค่ะ


3. การไดเอทด้วยสูตร Ginger Tea Diet

การไดเอทด้วยวิธีนี้ เป็นการไดเอทด้วยน้ำขิง ซึ่งเป็นวิธีการไดเอทตามแพทย์แผนอินเดีย ที่ได้ยกย่องว่า ”ขิง” นั้นคือสุดยอดของอาหารที่สามารถรักษาได้สารพัดโรคเลย ล่ะค่ะ และยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุอย่างแคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก และวิตามินบี 1 กับวิตามินบี 2 ที่ไปช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญพลังงานได้ดี ยิ่งถ้าคุณจิบน้ำขิงระหว่างวันในทุกๆ วัน หรือรับประทานน้ำขิงหลังมื้ออาหาร ก็จะสามารถช่วยในการสลายไขมันที่สะสมได้รวดเร็วยิ่งขึ้นค่ะ


4. การไดเอทด้วยอินเทอร์เน็ต

หลายๆ คน เมื่อได้ฟังอย่างนี้แล้ว ก็คงจะมีความสงสัยไม่น้อยเลยว่า อินเทอร์เน็ตนั้น มันจะมีส่วนช่วยในการไดเอทได้อย่างไร คำตอบก็คือ เพราะว่าการที่คุณได้ทำการท่องเข้าไปในโลกไซเบอร์นั้น จะทำให้คุณสามารถที่จะเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับการลดน้ำหนักได้ง่ายมากขึ้น ทั้งในเรื่องของการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ แถมยังจะได้เจอกับเพื่อนๆ ที่กำลังประสบปัญหาเดียวกันกับคุณด้วยเช่นกัน จะทำให้คุณนั้นมีแรงกระตุ้นที่จะทำการไดเอทได้อย่างต่อเนื่องจนประสบความ สำเร็จได้ ดังนั้นแล้ว คุณผู้หญิงที่เล่นอินเทอร์เน็ต จะสามารถไดเอทได้รวดเร็วกว่าผู้หญิงที่ไม่เล่นอินเทอร์เน็ตเลยค่ะ


เมื่อคุณสาวๆ ทั้งหลายได้อ่าน  4  สูตรของการไอเดทนี้ไปแล้ว  คุณสาว ๆ  ก็คงคิดว่า ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ ที่จะลองนำไปทำตามดู จะได้มีรูปร่างและหุ่นที่สวยอย่างรวดเร็วทันใจคุณสาวๆ ทั้งหลายไงล่ะคะ




ที่มา     http://www.shape.in.th/1017



จัดทำโดย    www.v-careskinshop.com





***********************************************************

www.v-careskinshop.com   จัดจำหน่าย อาหารเสริมเพื่อ ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน กลูต้า กลูต้าไธโอน มีรีวิว ไลโปไลซิส ทู  lypolysis II ลิด้า ลิโซ่ บาชิ ผงบุก แอลคาร์นิทีน ครีมหน้าใส







ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน รวบรวมมาจาก pantip ค่ะ


เรื่องแรกนะคะ  อันนี้ น่าสนใจค่ะ  ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ด้วยแตงโม ค่ะ


ขออนุญาตบอกสูตรลดน้ำหนัก 40 กิโลใน 3 เดือน เป็นสูตรที่ง่าย และ ไม่ต้องอดอาหาร ค่ะเหมาะสำหรับสาว ๆ office ทุกท่านค่ะ  


ต้องขอเกรินก่อนะคะ ว่าดิชั้นลดไป 30 กิโลใน 2 เดือน และลดอีก 10 กิโลใน 1 เดือนสุดท้ายคะ 

(ปล ดิชั้นเป็นเกย์นะคะ อิอิ ตอนนั้นหนัก 108 กิโลกรัม สูง 180 cm คะ)



สำหรับสูตรก็คือ


ให้ซื้อแตงโมตุนไว้เยอะ ๆ ๆ ค่ะ    ซื้อก่อนเข้าทำงานหลายๆถุงเลยคะ แล้วก็เอาไปแช่ช่องแช่แข็ง       
( เป็นไอติมอร่อยๆๆคะ )       หรือตุ็เย็นไว้คะ

มื้อเช้า

ก็ให้ทานแตงโมเย็นๆกับน้ำเปล่าเยอะๆๆนี้แหละคะ หิวเมือไรก็คว้าแตงโมเข้าปากคะ

ที่ ให้ทานแตงโมเพราะว่า แตงโมมีรสหวาน เพราะมีน้ำตาลโมเลกุลเล็กคะ ร่างกายสามารถดูดซึมได้เร็ว แล้วในการทำงานนั้น สมองต้องการน้ำตาลด้วยคะ ( สมองคนเราต้องการน้ำตาลวันละ 120 g นะคะ ฉะนั้นการอด crab เลยจะแย่ต่อสมองมากๆๆ รวมถึงในสมองก็มีน้ำอยู่เป็นส่วนประกอบหลัก ฉะนั้นทานน้ำเยอะๆๆคะ แถมการทานน้ำเย็น จะช่วงเพิ่มแมตตาบอริซึม หรือ การเผาพลาญ เพราะร่างกายต้องพยายามรักษาอุณหภูมิของร่างกายไว้ที่ 37 องศานะคะ ก็จะนำพวกไขมันส่วนเกินออกมาเผา ให้ร่างกายเกิดความร้อน  เพื่อคงอุณหภูมิ นะคะ แถมกินน้ำเยอะ ต้องเดินไปฉี่บ่อย เวลาเดิน ก็ได้ออกกำลังกายด้วยนะคะ 5555 ห้ามอั้นปัสสาวะ นะคะ จะเป็นกระเพราะปัสสาวะ อักเสบได้คะ อันตรายมากๆๆๆ เดินบ่อยหน่อยก็ถือว่าออกกำลังกายนะคะ อิอิอิ )

ถ้า เบื่อแตงโม ให้ทาน ชมพู่ แทนได้คะ แต่ห้ามทานผลไม้เนื้อแน่นๆเป็นแป้ง พวก มะม่วง ฝรั่ง เพราะมันจะให้พลังงานสูงกว่าคะ เพราะสูตรของดิชั้น คือจะให้กินแตงโมทั้งวันคะ หิวเมื่อไร ก็แตงโมเมื่อนั้น

จากที่หามา เค้าบอกว่า แตงโม 100g ให้พลังงานแค่ 8 Kcal เองคะ ฉะนั้น กินแตงโม 1 กิโล เพิ่งได้พลังงานแค่ 80 Kcal เอง ไม่อ้วนแน่นอนคะ

(ผุ้หญิงใช้พลังงานวันละประมาณ 1500 Kcal) ฉะนั้น ถ้าจะลดความอ้วน ก็ไม่ควรจะกินเกิน 1000 kcal นะคะ

น้ำหนักที่หายไป 1 kg เท่ากับ 7700 Kcal นะคะ อันนี้หามาจาก net คะ

ถ้า คนน้ำหนักเยอะก็จะยิ่ง ใช้พลังงานเยอะขึ้นต่อวันคะ ก็จะทำให้ ช่วงแรกๆๆ ลดลงเร็วมาก แต่หลังๆๆจะลดช้าลง ก็ไม่ต้องเครียดว่าทำไมหลังๆๆไม่ลดนะคะ มันต้องใช้เวลานิดนึง

ต่อคะ

มื้อกลางวัน

มื้อกลางวัน ให้ทาน เกาเหลา ไม่ใส่หอมเจียว นะคะ หรือถ้ามีร้านส้มตำ ก็ ส้มตำเลยคะ ไก่ย่างเลยคะ หรือสเต็กปลา ก็ได้ แต่อย่าทาน คาร์โบไฮเดรตคะ สูตรนี้จะรับ คาร์โบไฮเดรต จาก แตงโม เท่านั้นนะคะ ห้ามทานของทอดด้วยคะ เพราะน้ำมันนี้มันอันตรายมากกกกกกกกกกกกก แล้วก็ห้ามทานหนังสัตว์

บ่ายๆ

แอบหิวตอนบ่ายกันใช่ไหมคะ เดินไปตู้เย้นเลยค้า แตงโม เจ้าเก่า อิอิอิ

เย็น

ตอน เย็นนี้กลับมาบ้านให้กินไข่ต้มคะ2-3ฟอง กินไข่แดงได้คะ ไม่ต้องเอาออกนะคะ เพราะไขมันในไข่แดงเป็นไขมันธรรมชาติ ร่างกายจะนำไปใช้คะ เช่นการสร้างวิตามิน D คะ แถมเคยอ่านเจอว่า ในไข่แดงมีสารลดไขมันในหลอดเลือดด้วยคะ

ไข่ต้ม 1 ฟองให้พลังงาน 75 Kcal โดยประมาณคะ

แต่ถ้าไข่ดาว 1 ฟอง ก็ 150 Kcal

ถ้าไข่เจียว 1 ฟองก็ 250 Kcal คะ


เห็นไหมคะ น้ำมันนี้มันน่ากลัวมากค่ะ

จะทานไข่ต้มกับสลัดก็ได้นะคะ แต่น้ำสลัดขอแบบญี่ปุ่นนะคะ อิอิอิ แล้วก็ไม่ใส่ ขนมปังอบนะคะ

ถ้าตลอดทั้งวันนี้มีตอนไหนหิว ๆ ๆ  ก็รีบกินแตงโมนะคะ ก่อนจะเผลอไปกินอย่างอื่น แล้วมานึกได้ที่หลัง

**** ห้ามกินกาแฟคะ เพราะให้พลังงานสูงมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากพวก นม น้ำตาล นมค้นหวาน ครีม ไรพวกนนี้อะคะ เห็นเค้าว่า เท่ากับข้าว 2 มื้อเลยคะ ****


**** เครื่องดื่มตลอดการลดน้ำหนักต้องเป็นน้ำเปล่า หรือ pepsi max นะคะ ****


ควร มีช่วง promotion ให้ตัวเองด้วยคะ เช่น ลดครบ 10 กิโลกรัม รับไปเลย บูลเบอรี่ชีสเค้ก 1 ชิ้น อะไรแบบนี้ ไม่งั้น ตายแน่คะ มันต้องมีพักกันบ้าง

เช่น 7 วัน พัก 1 มื้อ กินอะไรก็ได้ตามใจเรา อะไรแบบนี้อะคะ


สู้ๆๆนะคะ อิอิอิ


จากคุณ : sukritudom  


 รวบรวมข้อมูลโดย   http://www.v-careskinshop.com/store/